ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ พร้อมเข้าประมูลไอพีพีรอบใหม่ ฟุ้งใช้พื้นที่ติดโรงไฟฟ้าเดิมทำได้ 1.6 พันเมกะวัตต์ และมีพื้นที่ใหม่อีก 2 แห่ง เผยครึ่งปีหลังมีเม็ดเงินลงทุนอีก 4 พันล้านบาททั้งในและต่างประเทศ แย้มไตรมาส 4 คาดออสซี่ไฟเขียวทำโรงไฟฟ้าพลังลม 200-300 เมกะวัตต์ มูลค่า 400 ล้านเหรียญ
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(ไอพีพี) รอบใหม่ โดยมีพื้นที่ในบริเวณโรงไฟฟ้าเดิมที่ราชบุรีสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ 2 ยูนิต ขนาดกำลังผลิตรวม 1.6-1.8 พันเมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รองรับการสร้างโรงไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 2 แห่งนอกเหนือจากพื้นที่เดิม โดยการเลือกพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้านั้นต้องคำนึงความเหมาะสมทั้งระบบส่ง แหล่งน้ำ และการวางท่อก๊าซฯ ส่วนโรงไฟฟ้าราชบุรีเองก็จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟในปี 2568 หาก กฟผ.ไม่ต่อสัญญาก็อาจรื้อโรงไฟฟ้าแล้วประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีใหม่ก็ได้ เพราะนับวันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะทำได้ยากขึ้น
ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 45% นั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการประมูลไอพีพีเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะได้มีการหารือร่วมกับ กฟผ.เพื่อหาช่องทางทำให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้ภาครัฐมีความเข้าใจสถานภาพและให้ความชัดเจน เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมน่าจะให้เป็นตัวช่วยในการผลิตไฟฟ้าของประเทศได้
สำหรับแผนพัฒนาผลิตไฟฟ้าของประเทศระหว่างปี 2553-2573 (พีดีพี 2010) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 จะมีการเปิดประมูลไอพีพีประมาณ 5,000-6,000 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้าระบบในปี 2564 เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯ กระจายตามพื้นที่แนวท่อส่งก๊าซฯ ที่กำลังขยายโครงข่ายไปทั่วประเทศ
นายนพพลกล่าวถึงแผนการลงทุนในปีนี้ว่า ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯ ลงทุนไปแล้ว 3.04 พันล้านบาทจากงบลงทุนทั้งปี 7 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพิ่มทุนใน RATCH-Australia Corporation Limited (RAC) ประมาณ 2.66 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในบริษัทฯ เพิ่มทุน ทำให้ครึ่งปีหลังมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาทในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ งบลงทุนอาจสูงขึ้นกว่านี้ ขึ้นอยู่กับโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมทั้งใน และต่างประเทศ
โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะลงทุนในประเทศกัมพูชา พม่า และออสเตรเลีย โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่าจำนวน 2-3 โครงการนอกเหนือจากนิคมฯทวาย เนื่องจากร่างกุ้งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น คงต้องพิจารณาว่าจะใช้เชื้อเพลิงใดคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
ส่วนที่กัมพูชานั้นบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นที่ได้สิทธิในการสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 1,800 เมกะวัตต์ที่เกาะกง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมและขนาดการลงทุน คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนว่าจะเลือกลงทุนในพื้นที่ใดก่อน สำหรับออสเตรเลียนั้น บริษัทฯ คาดว่าจะด้รับอนุญาตจากรัฐบาลออสเตรเลียให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 200-300 เมกะวัตต์ มูลค่า 400 ล้านเหรียญออสเตรเลียช่วงไตรมาส 4/2555 หรือต้นปีหน้า คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขายไฟโดยตรงกับลูกค้าและผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย
การลงทุนเหมืองถ่านหินนั้นขณะนี้บริษัทฯ ได้ดูโอกาสการลงทุนที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยมองการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่มีปริมาณสำรองไม่น้อยกว่า 100 ล้านตัน ส่วนหนึ่งเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชา
ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯ มีรายได้ 3.15 หมื่นบาท และกำไร 4.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในเดือนกันยายนนี้ ส่วนไตรมาส 2/55 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1.94 หมื่นล้านบาท และกำไร 3.29 พันล้านบาท
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(ไอพีพี) รอบใหม่ โดยมีพื้นที่ในบริเวณโรงไฟฟ้าเดิมที่ราชบุรีสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ 2 ยูนิต ขนาดกำลังผลิตรวม 1.6-1.8 พันเมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รองรับการสร้างโรงไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 2 แห่งนอกเหนือจากพื้นที่เดิม โดยการเลือกพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้านั้นต้องคำนึงความเหมาะสมทั้งระบบส่ง แหล่งน้ำ และการวางท่อก๊าซฯ ส่วนโรงไฟฟ้าราชบุรีเองก็จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟในปี 2568 หาก กฟผ.ไม่ต่อสัญญาก็อาจรื้อโรงไฟฟ้าแล้วประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีใหม่ก็ได้ เพราะนับวันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะทำได้ยากขึ้น
ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 45% นั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการประมูลไอพีพีเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะได้มีการหารือร่วมกับ กฟผ.เพื่อหาช่องทางทำให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้ภาครัฐมีความเข้าใจสถานภาพและให้ความชัดเจน เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมน่าจะให้เป็นตัวช่วยในการผลิตไฟฟ้าของประเทศได้
สำหรับแผนพัฒนาผลิตไฟฟ้าของประเทศระหว่างปี 2553-2573 (พีดีพี 2010) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 จะมีการเปิดประมูลไอพีพีประมาณ 5,000-6,000 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้าระบบในปี 2564 เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯ กระจายตามพื้นที่แนวท่อส่งก๊าซฯ ที่กำลังขยายโครงข่ายไปทั่วประเทศ
นายนพพลกล่าวถึงแผนการลงทุนในปีนี้ว่า ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯ ลงทุนไปแล้ว 3.04 พันล้านบาทจากงบลงทุนทั้งปี 7 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพิ่มทุนใน RATCH-Australia Corporation Limited (RAC) ประมาณ 2.66 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในบริษัทฯ เพิ่มทุน ทำให้ครึ่งปีหลังมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาทในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ งบลงทุนอาจสูงขึ้นกว่านี้ ขึ้นอยู่กับโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมทั้งใน และต่างประเทศ
โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะลงทุนในประเทศกัมพูชา พม่า และออสเตรเลีย โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่าจำนวน 2-3 โครงการนอกเหนือจากนิคมฯทวาย เนื่องจากร่างกุ้งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น คงต้องพิจารณาว่าจะใช้เชื้อเพลิงใดคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
ส่วนที่กัมพูชานั้นบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นที่ได้สิทธิในการสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 1,800 เมกะวัตต์ที่เกาะกง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมและขนาดการลงทุน คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนว่าจะเลือกลงทุนในพื้นที่ใดก่อน สำหรับออสเตรเลียนั้น บริษัทฯ คาดว่าจะด้รับอนุญาตจากรัฐบาลออสเตรเลียให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 200-300 เมกะวัตต์ มูลค่า 400 ล้านเหรียญออสเตรเลียช่วงไตรมาส 4/2555 หรือต้นปีหน้า คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขายไฟโดยตรงกับลูกค้าและผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย
การลงทุนเหมืองถ่านหินนั้นขณะนี้บริษัทฯ ได้ดูโอกาสการลงทุนที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยมองการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่มีปริมาณสำรองไม่น้อยกว่า 100 ล้านตัน ส่วนหนึ่งเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชา
ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯ มีรายได้ 3.15 หมื่นบาท และกำไร 4.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในเดือนกันยายนนี้ ส่วนไตรมาส 2/55 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1.94 หมื่นล้านบาท และกำไร 3.29 พันล้านบาท
