สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เผยยอดขายบ้านมือสองทุกประเภทเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เชื่อหากปีนี้ไม่มีปัจจัยลบกระทบความเชื่อมั่นลูกค้า ตลาดน่าจะสดใสถึงปี 2556 แนะภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นตลาด เพราะผู้บริโภคยังลังเลโซนน้ำท่วม 100%
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองว่า ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 เป็นต้นมา ตลาดมีความเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง จนถึงไตรมาสที่ 3 ซึ่งคาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงปีหน้า ตลาดน่าจะกลับสู่สถานการณ์ปกติ หากไม่มีสถานการณ์น้ำท่วมเข้ามาเป็นอุปสรรค และสร้างปัญหาต่อการตัดสินใจซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในทำเลน้ำท่วมหนักตลาดยังไม่ดีมากนัก เพราะประชาชนยังลังเลเพื่อรอดูสถานการณ์เรื่องน้ำในปีนี้ โดยเฉพาะทำเลปทุมธานีซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วม 100% เชื่อว่า ทั้งตลาดบ้านใหม่ และบ้านมือสองน่าจะยังคงชะลอตัว แต่หากปีนี้ไม่ท่วมหนักเหมือนปีที่แล้ว คาดว่าสถานการณ์บ้านมือสองน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน
นอกจากสถานการณ์น้ำที่ผู้บริโภคยังคงมีความลังเล และทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ อีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลต่อตลาดบ้านมือสองก็คือ มาตรการช่วยเหลือเรื่องอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ครอบคลุมบ้านมือสอง ทั้งเรื่องมาตรการบ้านหลังแรก มาตรการดอกเบี้ย 0% 3 ปี ที่ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ รวมทั้งความไม่มั่นใจในเรื่องมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนของรัฐบาล เนื่องจากปัจจุบัน บ้านมือสองในตลาดที่มีเพิ่มขึ้นหลังจากเกิดภาวะน้ำท่วมหนักเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 100,000 หน่วย
นายแพทย์สมศักดิ์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงความต้องการซื้อบ้านมือสองในปัจจุบันว่า ผู้บริโภคยังมีต้องการซื้ออย่างต่อเนื่องในปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของตลาดยังคงมีสูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดบ้านใหม่จะทำให้บ้านมือสองมีความเสียเปรียบในหลายๆ ด้าน เช่น ความไม่เสมอภาคของมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ที่รัฐบาลสนับสนุนเฉพาะรถยนต์ใหม่ ในขณะที่ตลาดรถยนต์มือสองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์มือสองนั้น หากได้รับการช่วยเหลืออย่างเสมอภาคกันเชื่อว่าจะทำให้ตลาดดีกว่านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากส่วนใหญ่มีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง และมีความหลากหลายกว่าบ้านใหม่ แต่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนตลาดจึงยังไม่ดีเท่าที่ควร
ทั้งนี้ นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ได้แนะผู้ประกอบการธุรกิจบ้านมือสองว่า จะต้องให้ความสำคัญ และใส่ใจในเรื่องการตลาดเป็นพิเศษ รวมทั้งหากลยุทธ์ใหม่ๆ และต้องติดตามผลการทำการตลาดในแนวทางต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินทุนที่ลงทุนสำหรับการตลาด หากกลยุทธ์ใดไม่ได้ผลต้องรีบปรับเปลี่ยน หรือแก้ไขทันที เพื่อประหยัดงบประมาณ และต้องทำความเข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผลประกอบการ คือ เรื่องรายรับ และรายจ่าย ซึ่งจะทำให้แต่ละบริษัทรับรู้เรื่องผลกำไร หรือขาดทุนนั่นเอง