โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา เล็งรุกโรงแรมราคาประหยัดจากเทรนด์เติบโตดี คาดปลายเดือนหน้าเซ็นสัญญาบริหาร 2-3 แห่ง ตั้งเป้าสร้างเอง 3-5 แห่ง ภายใน 5 ปี พร้อมศึกษาลงทุนโรงแรมแถบยุโรป “ผู้บริหาร” มั่นใจอีบิด้าปีนี้แตะ 3.5 พันล้านบาท จากปีก่อน 2.3 พันล้านบาท
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา หรือ CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด เนื่องจากนักท่องเที่ยวให้ความสนใจที่จะเข้าพักโรงแรมราคาประหยัด มีการลงทุนที่ต่ำให้ผลตอบแทนที่ดี และผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ในต่างประเทศนั้นมีการทำโรงแรมราคาประหยัด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้น มีวิกฤตหนี้ยุโรป เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่อัตราการเข้าพักโรงแรมราคาประหยัดอยู่ในระดับสูงที่ 70-80% ซึ่งไม่ได้กระทบจากวิกฤตดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะมีการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมราคาประหยัดในช่วงปลายเดือนกันยายน 2-3 แห่ง แต่เป็นแบรนด์เดียวกัน ซึ่งภายใน 5 ปี บริษัทตั้งเป้าลงทุนก่อสร้างโรงแรมราคาประหยัดจำนวน 3-5 แห่ง ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ใช้งบลงทุนแห่งละประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินกู้ 50% และกระแสเงินสด 50% โดยจะใช้เงินกู้ในสัดส่วน 50% กระแสเงินสดอีก 50% และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารับบริหารโรงแรมราคาประหยัดอีกจำนวน 15-17 แห่ง
“โรงแรมราคาประหยัด มา 2 ปีแล้ว คาดประกาศปลายเดือนหน้าจะมีการแถลงข่าว และเซ็นสัญญา 2-3 สัญญา ปัจจุบัน สายการบินต้นทุนต่ำได้รับความนิยมมาก ทางกลุ่มมองว่าโรงแรมราคาประยัดแนวโน้มเติบโตดี เราก็จะขายโรงแรมตั้งแต่ระดับ 5 ดาว ถึงราคาประหยัด และศึกษาห้องละ 18 ตารางเมตร บอร์ดอนุมัติแล้ว ต้นทุนก่อสร้าง 1.5-1.6 ล้านบาทต่อหุ้น ขนาด 150-200 ห้อง เรา มีการเจรจากับแบงก์หากมีเจ้าของจะทำโรงแรมราคาประหยัดเราก็เสนอเป็นหากมีคนจะทำโรงแรมราคาประหยัดมาคุยกับเรา เสนอเป็นแพกเกจไปที่จะซัปพอร์ต” นายรณชิตกล่าว
สำหรับขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนธุรกิจโรงแรมในยุโรป เพราะมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงทรัพย์สินที่น่าสนใจง่ายขึ้น แต่เบื้องต้นคาดว่าการลงทุนจะเป็นรูปแบบร่วมลงทุนกับกองทุนส่วนบุคคล โดยบริษัทจะรับบริหาร และการันตีผลตอบแทนให้แก่กองทุนส่วนบุคคลที่สนับสนุนเงินทุน เพราะบริษัทไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงสูงจนเกินไป
นายรณชิต กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1.14 หมื่นล้านบาท และคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี และค่าเสื่อม (อิบิด้า) ปีนี้จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 2.3 พันล้านบาท เพราะบริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 68-69% ขณะราคาห้องพักมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-6% จากครึ่งปีแรกที่ 3,289 บาทต่อห้อง ทำให้ทั้งปีจะเติบโต 2-3% จากปีก่อน
ส่วนธุรกิจอาหารเติบโตขึ้นทั้งยอดขาย และจำนวนสาขา โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 673 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 70 สาขา ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมคาดว่าเติบโตขึ้น 5-6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนยอดขายสาขาใหม่คาดว่าโตขึ้น 24-26% นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารต่างประเทศอีก 2 แห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายรณชิต กล่าวว่า งบลงทุนในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่คาดไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเข้าไปลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์ และซื้อหุ้นโรงแรมเซนทารากะรน จากเลห์แมนบราเธอร์ ซึ่งถือเป็นโอกาสลงทุนนอกเหนือจากที่วางแผนไว้ โดยในปีนี้บริษัทจะบันทึกขาดทุนจากการลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์ปีนี้รวม 40 ล้านบาท จากที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา หรือ CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด เนื่องจากนักท่องเที่ยวให้ความสนใจที่จะเข้าพักโรงแรมราคาประหยัด มีการลงทุนที่ต่ำให้ผลตอบแทนที่ดี และผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ในต่างประเทศนั้นมีการทำโรงแรมราคาประหยัด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้น มีวิกฤตหนี้ยุโรป เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่อัตราการเข้าพักโรงแรมราคาประหยัดอยู่ในระดับสูงที่ 70-80% ซึ่งไม่ได้กระทบจากวิกฤตดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะมีการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมราคาประหยัดในช่วงปลายเดือนกันยายน 2-3 แห่ง แต่เป็นแบรนด์เดียวกัน ซึ่งภายใน 5 ปี บริษัทตั้งเป้าลงทุนก่อสร้างโรงแรมราคาประหยัดจำนวน 3-5 แห่ง ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ใช้งบลงทุนแห่งละประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินกู้ 50% และกระแสเงินสด 50% โดยจะใช้เงินกู้ในสัดส่วน 50% กระแสเงินสดอีก 50% และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารับบริหารโรงแรมราคาประหยัดอีกจำนวน 15-17 แห่ง
“โรงแรมราคาประหยัด มา 2 ปีแล้ว คาดประกาศปลายเดือนหน้าจะมีการแถลงข่าว และเซ็นสัญญา 2-3 สัญญา ปัจจุบัน สายการบินต้นทุนต่ำได้รับความนิยมมาก ทางกลุ่มมองว่าโรงแรมราคาประยัดแนวโน้มเติบโตดี เราก็จะขายโรงแรมตั้งแต่ระดับ 5 ดาว ถึงราคาประหยัด และศึกษาห้องละ 18 ตารางเมตร บอร์ดอนุมัติแล้ว ต้นทุนก่อสร้าง 1.5-1.6 ล้านบาทต่อหุ้น ขนาด 150-200 ห้อง เรา มีการเจรจากับแบงก์หากมีเจ้าของจะทำโรงแรมราคาประหยัดเราก็เสนอเป็นหากมีคนจะทำโรงแรมราคาประหยัดมาคุยกับเรา เสนอเป็นแพกเกจไปที่จะซัปพอร์ต” นายรณชิตกล่าว
สำหรับขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนธุรกิจโรงแรมในยุโรป เพราะมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงทรัพย์สินที่น่าสนใจง่ายขึ้น แต่เบื้องต้นคาดว่าการลงทุนจะเป็นรูปแบบร่วมลงทุนกับกองทุนส่วนบุคคล โดยบริษัทจะรับบริหาร และการันตีผลตอบแทนให้แก่กองทุนส่วนบุคคลที่สนับสนุนเงินทุน เพราะบริษัทไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงสูงจนเกินไป
นายรณชิต กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1.14 หมื่นล้านบาท และคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี และค่าเสื่อม (อิบิด้า) ปีนี้จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 2.3 พันล้านบาท เพราะบริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 68-69% ขณะราคาห้องพักมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-6% จากครึ่งปีแรกที่ 3,289 บาทต่อห้อง ทำให้ทั้งปีจะเติบโต 2-3% จากปีก่อน
ส่วนธุรกิจอาหารเติบโตขึ้นทั้งยอดขาย และจำนวนสาขา โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 673 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 70 สาขา ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมคาดว่าเติบโตขึ้น 5-6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนยอดขายสาขาใหม่คาดว่าโตขึ้น 24-26% นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารต่างประเทศอีก 2 แห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายรณชิต กล่าวว่า งบลงทุนในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่คาดไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเข้าไปลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์ และซื้อหุ้นโรงแรมเซนทารากะรน จากเลห์แมนบราเธอร์ ซึ่งถือเป็นโอกาสลงทุนนอกเหนือจากที่วางแผนไว้ โดยในปีนี้บริษัทจะบันทึกขาดทุนจากการลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์ปีนี้รวม 40 ล้านบาท จากที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง