ซีพี ออลล์ แย้มกำไรปีนี้มีโอกาสแตะ 1 หมื่นล้านบาท ทำนิวไฮจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8 พันล้านบาท เหตุกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 5.35 พันล้านบาท เหตุ โปรโมชัน “แสตมป์รักเมืองไทย” ดันยอดขายสาขาเดิม-ใหม่พุ่ง เน้นขายสินค้าอาหาร เหตุ มาร์จิ้นสูง พร้อมตั้งเป้าอีก 6 ปีข้างหน้า สาขาแตะ 1 หมื่นสาขา จากปัจจุบัน 6.8 พันสาขา
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผุ้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 มีโอกาสอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,013.31 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,359 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะจากที่บริษัทมีการจัดโปรโมชัน “แสตมป์รักเมืองไทย” ทำให้ยอดขายของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โปรโมชันแสตมป์นั้นเริ่มเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ถึงขณะนี้นั้นทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 16-17% แล้วเพียงระยะเวลาไม่นาน และปีนี้ระยะเวลาโปรโมชันแสตมป์นั้นปีนี้นานกว่าปีก่อน ขณะที่ปีก่อนนั้นการจัดโปรโมชันแสตมป์นั้นทำให้ยอดขายโตเพียง 12% เท่านั้น และบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 26% เพิ่มขึ้น 0.4% ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 25.6.% จากที่สินค้าอาหารนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง
สำหรับในส่วนของยอดขายปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 155,359.87 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมมีการเติบโตมากขึ้น และจากยอดขายจากสาขาใหม่ ซึ่งปีนี้บริษัทจะเปิดสาขากว่า 500 สาขา เพื่อชดเชยกับช่วงครึ่งปีหลังที่น้ำท่วมทำให้ชะลอเปิดสาขาไป ประกอบกับบริษัทมีโปรโมชันแสตมป์ ทำให้บยอดขายเติบโตสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในอีก 6 ปี ข้างหน้า บริษัทจะมีสาขาเพิ่มเป็น 10,000 สาขา จากครึ่งปีแรกบริษัทมีสาขาจำนวน 6,660 สาขา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 6,800 สาขา จากปีที่ผ่านอยู่ที่ 6,300 สาขา ส่วนปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 7,300 สาขา โดยปัจจัยที่จะทำให้บริษัทสาขาถึง 10,000 แห่งนั้น จากคาดว่า GDP ของไทยจะมีการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6% ไปอีก 6 ปีข้างหน้า ทำให้ภาคเกษตกรนั้นมีกำลังซื้อสินค้ามากขึ้น และจะเป็นลูกค้าของบริษัท จากที่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกานั้นลูกค้าของเซเว่นนั้นจะเป็นเกษตรกรเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการขายสินค้าอาหาร เบเกอรี่ และอาหารเสริมสุขภาพ โดยบริษัทเตรียมพร้อมในการขยายคลังกระจายสินค้า และมีการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถเปิดสาขาได้ตามเป้าหมาย ซึ่งสาขาที่บริษัทมีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสาขาที่บริษัทบริหารเองสัดส่วน 46% และ อีก 54% เป็นเฟรนไซส์ ส่วนในเรื่องการแข่งขันธุรกิจนั้น บริษัทมีการเตรียมพร้อมในการแข่งขัน และเชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งขันได้ จากที่บริษัทมีการปรับตัว โดยเน้นที่จะจำหน่ายอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม และจะมีการเพิ่มสินค้าใหม่ มีการปรับปรุงเทีมงานและซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ กลุ่มซีพีโดยถือว่าเป็นคลังอาหารของโลกนั้น ที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจของบริษัท ส่วนการเปิดสาขาในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการขอเปิดที่จีน หลังจากนั้นจะเปิดสาขาในเวียดนาม
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนแต่ละปีอยู่ที่ 5,000-5,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นลงทุนเปิดสาขาใหม่ 2,000 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาเดิม 1,000 ล้านบาท ลงทุนในบริษัทย่อย และสร้างคลังสินค้า 1,000 ล้านบาท และลงทุนด้านไอที ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้เงินจากกระแสเงินสดบริษัท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/55 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท โดยซีพี ออลล์ นั้นมีผลประกอบการต่อเนื่อง และมีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งบริษัทนั้นไม่มีหนี้กับสถาบันการเงิน มีหนี้ทางการค้าเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทนั้นมีผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 50% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกในเอเชีย และหุ้นของบริษัทถือว่าเป็นหุ้นโกรสสต๊อกที่ให้ผลตอบแทนที่ดี แม้ในภาวะตลาดที่ผันผวน และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูง มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง จึงมองว่าหุ้นบริษัทนั้นมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผุ้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 มีโอกาสอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,013.31 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,359 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะจากที่บริษัทมีการจัดโปรโมชัน “แสตมป์รักเมืองไทย” ทำให้ยอดขายของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โปรโมชันแสตมป์นั้นเริ่มเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ถึงขณะนี้นั้นทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 16-17% แล้วเพียงระยะเวลาไม่นาน และปีนี้ระยะเวลาโปรโมชันแสตมป์นั้นปีนี้นานกว่าปีก่อน ขณะที่ปีก่อนนั้นการจัดโปรโมชันแสตมป์นั้นทำให้ยอดขายโตเพียง 12% เท่านั้น และบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 26% เพิ่มขึ้น 0.4% ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 25.6.% จากที่สินค้าอาหารนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง
สำหรับในส่วนของยอดขายปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 155,359.87 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมมีการเติบโตมากขึ้น และจากยอดขายจากสาขาใหม่ ซึ่งปีนี้บริษัทจะเปิดสาขากว่า 500 สาขา เพื่อชดเชยกับช่วงครึ่งปีหลังที่น้ำท่วมทำให้ชะลอเปิดสาขาไป ประกอบกับบริษัทมีโปรโมชันแสตมป์ ทำให้บยอดขายเติบโตสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในอีก 6 ปี ข้างหน้า บริษัทจะมีสาขาเพิ่มเป็น 10,000 สาขา จากครึ่งปีแรกบริษัทมีสาขาจำนวน 6,660 สาขา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 6,800 สาขา จากปีที่ผ่านอยู่ที่ 6,300 สาขา ส่วนปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 7,300 สาขา โดยปัจจัยที่จะทำให้บริษัทสาขาถึง 10,000 แห่งนั้น จากคาดว่า GDP ของไทยจะมีการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6% ไปอีก 6 ปีข้างหน้า ทำให้ภาคเกษตกรนั้นมีกำลังซื้อสินค้ามากขึ้น และจะเป็นลูกค้าของบริษัท จากที่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกานั้นลูกค้าของเซเว่นนั้นจะเป็นเกษตรกรเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการขายสินค้าอาหาร เบเกอรี่ และอาหารเสริมสุขภาพ โดยบริษัทเตรียมพร้อมในการขยายคลังกระจายสินค้า และมีการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถเปิดสาขาได้ตามเป้าหมาย ซึ่งสาขาที่บริษัทมีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสาขาที่บริษัทบริหารเองสัดส่วน 46% และ อีก 54% เป็นเฟรนไซส์ ส่วนในเรื่องการแข่งขันธุรกิจนั้น บริษัทมีการเตรียมพร้อมในการแข่งขัน และเชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งขันได้ จากที่บริษัทมีการปรับตัว โดยเน้นที่จะจำหน่ายอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม และจะมีการเพิ่มสินค้าใหม่ มีการปรับปรุงเทีมงานและซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ กลุ่มซีพีโดยถือว่าเป็นคลังอาหารของโลกนั้น ที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจของบริษัท ส่วนการเปิดสาขาในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการขอเปิดที่จีน หลังจากนั้นจะเปิดสาขาในเวียดนาม
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนแต่ละปีอยู่ที่ 5,000-5,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นลงทุนเปิดสาขาใหม่ 2,000 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาเดิม 1,000 ล้านบาท ลงทุนในบริษัทย่อย และสร้างคลังสินค้า 1,000 ล้านบาท และลงทุนด้านไอที ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้เงินจากกระแสเงินสดบริษัท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/55 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท โดยซีพี ออลล์ นั้นมีผลประกอบการต่อเนื่อง และมีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งบริษัทนั้นไม่มีหนี้กับสถาบันการเงิน มีหนี้ทางการค้าเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทนั้นมีผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 50% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกในเอเชีย และหุ้นของบริษัทถือว่าเป็นหุ้นโกรสสต๊อกที่ให้ผลตอบแทนที่ดี แม้ในภาวะตลาดที่ผันผวน และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูง มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง จึงมองว่าหุ้นบริษัทนั้นมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน
