เซเว่นฯ ผวาน้ำท่วมอีกปลายปี ตั้งแผนรับหาศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวเพิ่ม 3 แห่ง พร้อมเพิ่มศักยภาพ มั่นใจสิ้นปียังรักษาอัตราการเติบโตไว้ที่ 15% ได้
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ภาพรวมของเซเว่นฯ ในครึ่งปีที่ผ่านมายังพบว่าเติบโตไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโต 10-15% โดยกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงยังคงเป็นกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยมีแนวโน้มเติบโตไปจนถึงสิ้นปี หรือเติบโตทั้งปีที่ 15% จากปีก่อนที่ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของภัยธรรมชาติมากที่สุด ที่อาจจะมีปัญหาน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น ในขณะนี้ทางบริษัทจึงได้มีการวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นไว้แล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของศูนย์กระจายสินค้า ได้มองหาศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดภาวะฉุกเฉินจากปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่ต้องพึ่งพาศูนย์กระจายสินค้าที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และย่านสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายพื้นที่ภายในศูนย์กระจายสินค้าเดิมในต่างจังหวัดที่ จ.ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี เพื่อให้สามารถรองรับสินค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งในปลายปีนี้ยังมีแผนเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ จ.ลำพูน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการกระจายสินค้าอีก 1 แห่งด้วย
นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า จากปัญหาน้ำท่วมปีที่ผ่านมาเซเว่นฯ ต้องปิดให้บริการไปถึง 700 สาขา ในแง่ยอดขายอาจจะกระทบไม่มากนัก แต่สำหรับตัวร้านแล้วถือว่าค่อนข้างหนักเพราะได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ดังนั้นปีนี้จึงต้องมีการวางแผนป้องกันไว้เช่นกัน เช่น เลือกใช้วัสดุที่ทนต่อสภาพน้ำท่วม เช่น ไฟเบอร์ในการตกแต่งร้าน ทั้งสาขาเก่าและสาขาใหม่ที่จะเปิดเพิ่มในปีนี้
โดยในส่วนของการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ ขณะนี้เปิดไปได้แล้ว 50% ของเป้า 500 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการทั้งหมดที่ 6,700 สาขา คาดว่าสิ้นปีจะครบ 6,900 สาขา
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ภาพรวมของเซเว่นฯ ในครึ่งปีที่ผ่านมายังพบว่าเติบโตไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโต 10-15% โดยกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงยังคงเป็นกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยมีแนวโน้มเติบโตไปจนถึงสิ้นปี หรือเติบโตทั้งปีที่ 15% จากปีก่อนที่ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของภัยธรรมชาติมากที่สุด ที่อาจจะมีปัญหาน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น ในขณะนี้ทางบริษัทจึงได้มีการวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นไว้แล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของศูนย์กระจายสินค้า ได้มองหาศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดภาวะฉุกเฉินจากปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่ต้องพึ่งพาศูนย์กระจายสินค้าที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และย่านสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายพื้นที่ภายในศูนย์กระจายสินค้าเดิมในต่างจังหวัดที่ จ.ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี เพื่อให้สามารถรองรับสินค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งในปลายปีนี้ยังมีแผนเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ จ.ลำพูน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการกระจายสินค้าอีก 1 แห่งด้วย
นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า จากปัญหาน้ำท่วมปีที่ผ่านมาเซเว่นฯ ต้องปิดให้บริการไปถึง 700 สาขา ในแง่ยอดขายอาจจะกระทบไม่มากนัก แต่สำหรับตัวร้านแล้วถือว่าค่อนข้างหนักเพราะได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ดังนั้นปีนี้จึงต้องมีการวางแผนป้องกันไว้เช่นกัน เช่น เลือกใช้วัสดุที่ทนต่อสภาพน้ำท่วม เช่น ไฟเบอร์ในการตกแต่งร้าน ทั้งสาขาเก่าและสาขาใหม่ที่จะเปิดเพิ่มในปีนี้
โดยในส่วนของการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ ขณะนี้เปิดไปได้แล้ว 50% ของเป้า 500 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการทั้งหมดที่ 6,700 สาขา คาดว่าสิ้นปีจะครบ 6,900 สาขา