xs
xsm
sm
md
lg

จับตา..UMI งบ Q3 รับรู้เพิ่มจาก TTC กระเบื้อง Full HD ออเดอร์พุ่ง..จ่อออกลายเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับเป็นหุ้นที่โตไม่หยุด...ขยับแบบเรื่อยๆ สำหรับ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI หลังจากเงียบหายไปนาน ตอนนี้จากราคาหุ้นที่ 3.00 บาท เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2555 ผ่านมาจะ 6 เดือน (ล่าสุด 16 ส.ค.) ราคาหุ้นอยู่ที่ 5.70 บาท ใกล้จะ 100% หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว

จากเดิมธุรกิจนี้แข่งขันกันสูงในเรื่องราคา ทำให้มีบางรายล้มหายตายจากไป ปัจจุบัน ธุรกิจนี้ในไทยเหลือผู้ผลิต และจำหน่ายเพียง 3 กลุ่มใหญ่ นั่นคือ กลุ่มเครือซิเมนต์ไทย กลุ่มไดนาสตี้ และกลุ่มสุดท้ายคือ “สหโมเสค” ที่เพิ่งเข้าไปถือหุ้นในกิจการของ บมจ.โรแยล ซีรามิคอุตสาหกรรม (RCI) และบริษัท ที.ที.เซรามิค จำกัด (TTC) กลายเป็นกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่เป็นรองกับ 2 รายแรก

กลุ่มหนึ่งเจาะตลาดบน-กลาง ครองมาร์เกตแชร์มากสุด 39% อีกกลุ่มจับตลาดระดับล่าง ครองส่วนแบ่ง 29% สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเพาะจีนครองส่วนแบ่ง 18% และเราที่อยู่ในตลาดระดับกลาง-บนเมื่อรวมทั้ง 3 บริษัท (UMI-RCI-TTC) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ประมาณ 14%” สุทิน ยุทธนาวราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด UMI ให้ข้อมูล

ทั้งนี้ UMI ฉายภาพเป้าหมายภายหลังการผนึกำลัง 3 บริษัท ว่า เพื่อตอบโจทย์กับลูกค้าทุกกลุ่ม ดังนั้น ก็ต้องมีสินค้าที่ตอบสนองได้ทุกระดับ ทั้งบน-กลาง-ล่าง โดยบริษัทจะมีการช่วยเหลือ และแบ่งปันเทคโนโลยีระหว่างกัน ดำเนินงานในทิศทางเดียวกัน ไปด้วยกันทั้งกลุ่ม จุดแข็งของใครดีจะนำมาใช้ร่วมกัน จุดเสียจะถูกแก้ไข เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองทางธุรกิจ

“ง่ายๆ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ หากเราพบว่าต้นทุนของเราสูงกว่าอีก 2 บริษัททั้งที่เหมือนกัน เราก็เปลี่ยนไปใช้เพื่อได้ต้นทุนที่ถูกกว่า ฟาก UMI หันมามุ่งเน้นควบคุมการใช้ต้นทุนด้านพลังงานในการผลิต (ก๊าซธรรมชาติ) อย่างคุ้มค่า เพื่อลดการสิ้นเปลือง (สามารถประหยัดต้นทุนพลังงานลงได้ 10%) เทคโนโลยีและมาตฐานนี้ก็จะถูกนำไปใช้กับอีก 2 บริษัทด้วย เพราะต้นทุนพลังงานถือเป็น 30-35%ของสัดส่วนต้นทุนทั้งหมด ซึ่งครึ่งปีแรก ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี ล่าสุด มิ.ย.ที่ผ่านมาเราเปลี่ยนอุปกรณ์จ่ายเชื้อเพลิงให้เตาเผาใหม่ เพื่อควบคุมป้องการการรั่วไหลของก๊าซฯ”
 

น.ส.ปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ UMI กล่าวว่า วิธีแรกที่จะทำให้ได้รับกำไรมากสุด คือ การลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เพื่อให้ได้มาซึ่งราคาสินค้าที่สามารถนำไปแข่งขันได้ ปีนี้กำลังผลิตรวมทั้ง 3 บริษัทจะอยู่ที่ 25 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นของ UMI ประมาณ 19 ล้าน ตร.ม. ที่เหลือเป็นของอีก 2 บริษัท (ซึ่งยังใช้กำลังผลิตไม่เต็มประสิทธิภาพ) และเมื่อ UMI เข้าไปถือหุ้น และใส่เงินลงทุนเข้าไป จะทำให้ปี 2556 กำลังผลิตทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 31 ล้าน ตร.ม. และจะขยายเต็มที่ 34 ล้าน ตร.ม.ในปี 2557 (UMI 20 ล้าน ตร.ม.-RCI 6 ล้าน ตร.ม. และ TTC 8 ล้าน ตร.ม.)

...แรงผลักดัน UMI ต่อจากนี้อยู่ที่ไหน?

การทุนใน RCI และ TTC เริ่มแสดงผลให้ UMI แล้ว หัวเรือใหญ่สหโมเสคฯ กล่าวว่า ทั้ง 2 บริษัทให้การตอบรับ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อ UMI เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหาร โดย TTC (UMI ถือหุ้น 80%) เมื่อปรับโครงสร้างภายใน และโครงสร้างหนี้เสร็จแล้ว ตัวเลขการเงินต่างๆ ของบริษัทจะถูกนำมาบันทึกรวมกับงบของ UMI ในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยในรายละเอียดพบว่า หนี้สะสมกว่า 3,000 ล้านบาทของ TTC ได้รับการแฮร์คัตจากเจ้าหนี้ไปจนเหลือ 750 ล้านบาท ทำให้ UMI เชื่อว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีที่จะทำให้ TTC กลับมามีกำไร โดยไม่ต้องใส่เงินเข้าอีก ส่วน RCI คาดว่าจะเริ่มมีกำไรได้ตั้งแต่ในไตรมาส 4 ปีนี้

“ในไตรมาส 3 งบการเงินของ UMI น่ามีการรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ของ TTC เข้ามาประมาณ 2 -2.5 พันล้านบาท ขณะที่หนี้สะสมของ TTC จำนวน 750 ล้าน ก็จะมีผลกับงบของบริษัทตั้งแต่ปีหน้า ทำให้ปรับตัวลงมา ส่วน RCI เราถืออยู่แค่ 32% งบการเงินจึงไม่ได้นำมารวมกัน ในการเข้าถือหุ้นทั้ง 2 บริษัทครั้งนี้ RCI เราใช้เงินในกระแสเงินสดของบริษัท ขณะที่ TTC มาจากเงินกู้ระยะยาวที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน” น.ส.ปวีณากล่าว

ลุยนวัตกรรมใหม่ ...ไม่กลัว Copy
ส่วนกลยุทธ์ดำเนินธุกริจต่อจากนี้ ผู้บริหารสหโมเสคฯ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการไม่หยุดนิ่งด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมานำเสนอตลาด ซึ่งล่าสุด ได้ผลิตกระเบื้องรูปแบบใหม่ในชื่อ “Full HD” หรือลายภาพเสมือนจริงออกมาจำหน่าย พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากออเดอร์ที่มี่เข้ามา ทำให้มีแผนต้องนำเข้าเครื่องจักรมูลค่า 20 ล้านบาทเพิ่มเติมอีก 1 เครื่อง

“เดิมเราตั้งเป้าจะผลิตออกมาจำหน่าย 60 แบบ แต่เพียงแค่ระยะที่เริ่มต้นแค่ 20 แบบก็ไม่สามารถผลิตแบบใหม่ได้เพิ่มเติมอีก เพราะที่นำออกมาวางจำหน่ายก็ได้รับการตอบรับสูง และยังมีออเดอร์เข้ามาต่อเนื่องทำให้หยุดผลิต หรือเปลี่ยนแบบไม่ได้ ดังนั้น การซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มเติมก็เพื่อช่วยผลิตแบบใหม่ๆ เข้ามาป้อนตลาด สินค้าใหม่นี้ให้มาร์จิ้นแก่เราสูงมาก ทำให้เป้าหมายยอดขายเฉพาะ UMI ปีนี้ 2,700 ล้านบาท ไม่น่าจะมีปัญหา

เราไม่กลัวเรื่องถูก Copy เพราะเราดีไซน์ของเราออกมาเรื่อยๆ ก็ปล่อยให้เขา copy ไป เราขอเป็นผู้นำเรื่องนวัตกรรมดีกว่าที่จะไปเป็นผู้ตาม

ขณะเดียวกัน เราจะมีการทุ่มงบการตลาดเพิ่มมากขึ้นจากเดิมทุกปีใช้กว่า 100 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับดีลเลอร์ของเราทุกรายในการกระจายสินค้า 60% จากทั้งหมด ซึ่งออเดอร์ที่เข้ามามีแต่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานในรูปแบบโครงการ เช่น ของ SIRI และ QH ในโครงการใหม่ๆ จากนี้ก็เป็นสินค้าของเรา ส่วนที่เหลือ 40% เป็นการกระจายสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรดต่างๆ ที่มีการเติบโตตามการขยายตัวของร้านแบบนี้

นอกจากนี้ ในส่วนการส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ บริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท/ปี หากรวม TTC อีก 300 ล้านบาท/ปี จะให้สัดส่วนการจำหน่ายใน และต่างประเทศอยู่ที่ 90%(ในประเทศ) และ 10% (ต่างประเทศ) หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท/ปี โดยตอนนี้เรากำลังประเมินเรื่องกำแพงภาษี ซึ่งทำให้กระเบื้องจากจีนมีปัญหาเพิ่มขึ้นเวลานำเข้าไปจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งจุดนี้เราถือเป็นโอกาส หากช่วย TTC ให้ผลิตได้ในคุณภาพเดียวกัน เราจะได้เปรียบในเรื่องภาษี, ราคา และคุณภาพที่ดีกว่า และอาจเข้าทดแทนกระเบื้องจากจีนในตลาดต่างประเทศได้”

ภาพรวมธุรกิจในปี 2555
น.ส.ปวีณา กล่าวว่า ในครึ่งปีแรกยอดขายของบริษัทโต 11% แต่ทั้งปีนี้ขอตั้งเป้าไว้ที่ 8% จากปี 2554 หรือ 2,700 ล้านบาท และหลังจากปรับปรุงทั้ง 2 บริษัทที่เข้าไปถือหุ้นเรียบร้อยคาดว่าทั้งกลุ่มจะมียอดขายรวมสูงถึง 5,000 ล้านบาทใน 1-2 ปีจากนี้ ส่วนการขยายตลาด หรือเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านรับการเปิดการค้าเสรี มองว่าเป็นเรื่องอนาคต ซึ่งปัจจุบัน ต้องจัดการเรื่องภายในกลุ่มให้เรียบร้อยก่อน แต่ก็มีความสนใจในประเทศสหภาพพม่า และเวียดนาม

สำหรับผลประกอบการดำเนินธุรกิจของ UMI ไตรมาส 2/2555 มีรายได้รวม 678 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกับปีที่แล้ว 11% และมีกำไรหลังหักภาษี 34 ล้านบาท โตขึ้น 63% โดยครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 1,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับครึ่งปี 2554 และมีกำไร 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ปัจจัยสำคัญมาจากสินค้าใหม่กระเบื้อง Full HD

ล่าสุด บริษํทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกลาง 0.17 บาท/หุ้น และยืนยันจ่ายเงินปันผลตามโนยาบที่กำหนดไว้คือ 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในครึ่งปีหลังแม้จะมีการนำงบการเงินของ TTC เข้ามารวมด้วย และอาจมีผลต่อผลประกอบการของบริษัท แต่ผู้บริหารยืนยันว่า สิ้นปีนี้ยังจ่ายปันผล 50% เช่นเดิม แต่จะเป็นการคำนวณเงินปันผลจากผลดำเนินงานเฉพาะของ UMI ให้แก่ผู้ถือหุ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น