บล.ฟิลลิป แจงหลังร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ล่าสุด ดึงสถาบันญี่ปุ่นเป็นลูกค้า จากความสามารถให้บริการลงทุนหุ้นได้ทั่วโลก พบสถาบันของญี่ปุ่นหลายแห่ง หันโยกเงินเข้าตลาดหุ้นแถบเอเชียมากขึ้น หลังยุโรป-อเมริกา ดันวอลุ่มเทรดของสถาบันต่างชาติเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว “ปรัชญา” เผย เดือนนี้เปิดบริการลูกค้าเทรดอนุพันธ์ต่างประเทศ ตั้งเป้าปีแรกเปิดบัญชี 100 บัญชี
นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทร่วมมือกับ บริษัทกลุ่มบล.ฟิลลิป ในการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้แก่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) นั้น ขณะนี้ นักลงทุนสถาบันญี่ป่นเข้ามาซื้อขายผ่านบริษัท และหากต้องการซื้อขายหุ้นในแถบเอเชียก็สามารถทำได้โดยผ่านกลุ่มของบริษัท ทำให้สถาบันญี่ปุ่นเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันญี่ปุ่นนั้นสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลังจากที่ประเทศแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา มีปัญหาหนี้ และเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว โดยปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากวันละ 30 ล้านบาท เป็นวันละ 100 ล้านบาท โดยบริษัทหวังว่า สัดส่วนนักลงทุนสถาบันของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2-3% จากในช่วงที่ผ่านมา
“บริษัทจะเปิดบริการซื้อขายอนุพันธ์ต่างประเทศ จากก่อนหน้านี้ ที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นต่างประเทศแล้ว โดยช่วงแรก เน้นแนะนำลงทุนทองคำก่อน เพราะนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนมากที่สุด และลงทุนง่าย แต่หากนักลงทุนต้องการเทรดสินค้าอื่นก็สามารถทำได้ โดยนักลงทุนต้องเปิดบัญชีเทรดอนุพันธ์ต่างประเทศกับบริษัท และขออนุญาตทางแบงก์ชาติในการนำเงินไปลงทุน แต่หากเป็นนักลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศอยู่แล้วก็ไม่ต้องขออนุญาตกับแบงก์ชาติอีก” นายปรัชญากล่าว
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจะเปิดให้บริการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (อนุพันธ์) ต่างประเทศ ซึ่งในช่วงแรกนั้นเริ่มจากการซื้อขายทองคำก่อน เพราะนักลงทุนให้ความสนใจที่จะไปลงทุนทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์มาก ในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ และเป็นสินค้าที่ง่ายที่สุดในการที่จะเข้าไปลงทุน โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายอนุพันธ์ในตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้
สำหรับบริษัทคาดว่า ภายในปีนี้จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีเทรดอนุพันธ์ต่างประเทศกับบริษัทประมาณ 100 บัญชี ส่วนบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศนั้น ปัจจุบัน มีนักลงทุนเปิดบัญชีรวม 650 บัญชี เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่มี 500 บัญชี โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีเทรดหุ้นต่างประเทศเป็น 750 บัญชี โดยการซื้อขายหุ้นต่างประเทศของนักลงทุนช่วงนี้ ลดลงจากที่ยุโรป และสหรัฐอเมริกามีปัญหา
นายปรัชญากล่าวว่า ปัจจุบัน มีลูกค้าเปิดบัญชีจำนวน 3.7 หมื่นบัญชี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในปีนี้แล้วที่คาดว่าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีรวม 3.5-3.6 หมื่นบัญชี ซึ่งจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการจัดทำโครงการ EJIP ที่ให้พนักงาน บจ.ทยอยลงทุนในหุ้นที่ตนทำงานอยู่เป็นงวดๆ แต่บริษัทมีปัญหาเรื่องจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอ (แอ็กทีฟ) นั้นเติบโตไม่ทันกับจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้น โดยแผนบริษัทจากนี้ ก็จะพยามที่จะเพิ่มบัญชีแอ็กทีฟให้มากขึ้น
นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทร่วมมือกับ บริษัทกลุ่มบล.ฟิลลิป ในการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้แก่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) นั้น ขณะนี้ นักลงทุนสถาบันญี่ป่นเข้ามาซื้อขายผ่านบริษัท และหากต้องการซื้อขายหุ้นในแถบเอเชียก็สามารถทำได้โดยผ่านกลุ่มของบริษัท ทำให้สถาบันญี่ปุ่นเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันญี่ปุ่นนั้นสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลังจากที่ประเทศแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา มีปัญหาหนี้ และเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว โดยปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากวันละ 30 ล้านบาท เป็นวันละ 100 ล้านบาท โดยบริษัทหวังว่า สัดส่วนนักลงทุนสถาบันของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2-3% จากในช่วงที่ผ่านมา
“บริษัทจะเปิดบริการซื้อขายอนุพันธ์ต่างประเทศ จากก่อนหน้านี้ ที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นต่างประเทศแล้ว โดยช่วงแรก เน้นแนะนำลงทุนทองคำก่อน เพราะนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนมากที่สุด และลงทุนง่าย แต่หากนักลงทุนต้องการเทรดสินค้าอื่นก็สามารถทำได้ โดยนักลงทุนต้องเปิดบัญชีเทรดอนุพันธ์ต่างประเทศกับบริษัท และขออนุญาตทางแบงก์ชาติในการนำเงินไปลงทุน แต่หากเป็นนักลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศอยู่แล้วก็ไม่ต้องขออนุญาตกับแบงก์ชาติอีก” นายปรัชญากล่าว
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจะเปิดให้บริการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (อนุพันธ์) ต่างประเทศ ซึ่งในช่วงแรกนั้นเริ่มจากการซื้อขายทองคำก่อน เพราะนักลงทุนให้ความสนใจที่จะไปลงทุนทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์มาก ในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ และเป็นสินค้าที่ง่ายที่สุดในการที่จะเข้าไปลงทุน โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายอนุพันธ์ในตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้
สำหรับบริษัทคาดว่า ภายในปีนี้จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีเทรดอนุพันธ์ต่างประเทศกับบริษัทประมาณ 100 บัญชี ส่วนบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศนั้น ปัจจุบัน มีนักลงทุนเปิดบัญชีรวม 650 บัญชี เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่มี 500 บัญชี โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีเทรดหุ้นต่างประเทศเป็น 750 บัญชี โดยการซื้อขายหุ้นต่างประเทศของนักลงทุนช่วงนี้ ลดลงจากที่ยุโรป และสหรัฐอเมริกามีปัญหา
นายปรัชญากล่าวว่า ปัจจุบัน มีลูกค้าเปิดบัญชีจำนวน 3.7 หมื่นบัญชี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในปีนี้แล้วที่คาดว่าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีรวม 3.5-3.6 หมื่นบัญชี ซึ่งจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการจัดทำโครงการ EJIP ที่ให้พนักงาน บจ.ทยอยลงทุนในหุ้นที่ตนทำงานอยู่เป็นงวดๆ แต่บริษัทมีปัญหาเรื่องจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอ (แอ็กทีฟ) นั้นเติบโตไม่ทันกับจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้น โดยแผนบริษัทจากนี้ ก็จะพยามที่จะเพิ่มบัญชีแอ็กทีฟให้มากขึ้น
