xs
xsm
sm
md
lg

AAV มั่นใจรายได้แตะ 2 หมื่นล. กำไรสุทธิกว่าปีก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอเชีย เอวิเอชั่น” มั่นใจรายได้รวมปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท โต 25% จากปีก่อน ยันกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนแน่นอน เหตุครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซัน ปรับราคาน้ำหนักสัมภาระมาอยู่ระดับปกติ ส่งผลราคาค่าโดยสารเฉลี่ยโต 8-10% เกือบแตะ 1.9 พันบาทต่อคน ด้านกำไรไตรมาส 2/55 แตะ 1.47 หมื่นล้านบาท โตเกือบกว่า 8 พันเปอร์เซ็นต์ เหตุบันทึกกำไรจากการตีมูลค่าถือหุ้นในไทยแอร์เอเซีย ส่งผลบุ๊กแวลูอยู่ที่ 4.19 บาท จากเดิม 0.08 บาท ผู้บริหารมั่นใจสะท้อนราคาหุ้นดีขึ้น

นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีได้รายได้รวมจำนวน 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 16,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 6,055 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงที่บริษัทมีรายได้สูงสุดจากจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น ทำให้อัตราการขนส่งผู้โดยสาย (โหลดแฟกเตอร์) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 80-100% โดยบริษัทคาดว่า ปีนี้จะขนส่งผู้โดยสารจำนวน 8 ล้านคน ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 4.1 ล้านคน

รวมถึงบริษัทได้มีการปรับราคาต่อหน่วยน้ำหนักสัมภาระเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับปกติในเดือนมิถุนายนแล้ว จากก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการปรับลดราคาเพื่อกระตุ้นให้ผู้โดยสารให้มีการซื้อน้ำหนักสัมภาระเพิ่ม แต่ไม่ได้ผล จึงปรับราคามาอยู่ที่ปกติ และในช่วงที่เหลือปีนี้ บริษัทจะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่อีกจำนวน 3 ลำ ซึ่งเป็นการซื้อ 2 ลำ และอีก 1 ลำ เป็นการให้เช่าทำให้สิ้นปีนี้ บริษัทจะมีเครื่องบินรวมเป็น 27 ลำ จากปัจจุบัน 24 ลำ ทำให้สามารถขนส่งผู้โดยสารมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มอีก 3 เส้นทาง คือ มัณฑะเล และจีน อย่างน้อย 2 เมือง โดยเชื่อว่า จะทำให้ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8-10% มาอยู่ที่เกือบ 1,900 บาทต่อคน จากปีก่อนที่ 1,850 บาทต่อคน

สำหรับกำไรสุทธิในปีนี้ คาดว่าจะโตกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,020 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดียวกับปีก่อนที่ 13% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 9.3% ซึ่งการที่เน็ตมาร์จิ้นครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่อยู่ระดับ 12.3% เพราะบริษัทได้มีการลดราคาต่อหน่วยน้ำหนักสัมภาระ ทำให้กำไรในครึ่งปีแรกลดลงไป 400 ล้านบาท และจากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นจากทางการท่าอากาศยานปิดซ่อมทางวิ่ง หรือรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ปัจจัยทั้ง 2 จะไม่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากบริษัทได้มีการปรับราคาสัมภาระอยู่ที่ระดับปกติ และบริษัทได้ย้ายฐานการให้ขนส่งผู้โดยสารมาอยู่ที่ดอนเมืองแล้ว

นายทัศพล กล่าวว่า ในไตรมาส 2/55 บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 3,572 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 14,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,928% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีจำนวน 163 ล้านบาท ซึ่งกำไรเติบโตสูง เนื่องจากบริษัทได้มีการบันทึกกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมจำนวน 14,690 ล้านบาท จากการนับรวมสินทรัพย์ของบริษัท ไทยแอร์เอเซีย ที่บริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 55% ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าทางบัญชี (บุ๊กแวลู) ของ AAV ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.19 บาทต่อหุ้น จาก เดิมอยู่ที่ 0.08 บาท และ P/E อยู่ที่ 0.9 เท่า จากเดิมที่ 17.1 เท่า และทำให้สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มเป็น 2.9 หมื่นล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท จากเดิม 324 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 15,116 ล้านบาท

“AAV มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 4,432.8 ล้านบาท เพีมขึ้น 15.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มี 3,832.7 ล้านบาท แม้ว่ารายได้เสริมจะมีการปรับตัวลดลง แต่รายได้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 16.7% โดยไตรมาส 2/55 มีการขนส่งผู้โดยสายเพิ่มเป็น 1.9 ล้านคน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.6 ล้านคน จากปริมาณที่นังที่เพิ่มขึ้น จาก 2.1 ล้านคน เป็น 2.5 ล้านคน ขณะอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสายเพิ่มขึ้น เป็น 79% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 78% และมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 245.8 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/54 ที่ 328.1 ล้านบาท” นายทัศพลกล่าว

ทั้งนี้ จากการที่บุ๊กแวลูของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.19 บาทต่อหุ้น และสินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นค่า P/E ที่ลดลงนั้น เชื่อว่า จะส่งผลสะท้อนกลับมาที่ราคาหุ้นของบริษัทให้มีการปรับตัวดีขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุน แต่เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) บริษัทได้มีการเชิญนักลงทุนสถาบันเข้ามารับฟังข้อมูล หลังจากที่บริษัทมีการบันทึกสินทรัพย์ของไทยแอร์เอเชีย โดยในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองนั้น นักลงทุนสถาบันไม่มีการขายหุ้นออกมา มีแต่ซื้อหุ้นเพิ่ม มีเพียงนักลงทุนรายบุคคลที่มีการขาย

อย่างไรก็ตาม เดิมนั้น บริษัทมีแผนที่จะมีการซื้อหุ้นคืน แต่จากที่บริษัทมีการบันทึกกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมฯ แล้วนั้น แต่บริษัทยังไม่มีแผนยกเลิก เพราะต้องการรอดูผลตอบรับจากนักลงทุนก่อน จากที่บุ๊กแวลูของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมา แต่บริษัทไม่สามารถเปิดเผยหากว่าจะมีการจัดทำโครงการซื้อหุ้นคืน หากราคาหุ้นของบริษัทอยู่ที่ราคาเท่าใด
กำลังโหลดความคิดเห็น