ประธาน Thai BMA คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังชะลอลงกว่าครึ่งปีแรก แนะภาครัฐดำเนินนโยบายการเงินการคลังยืดหยุ่นรับมือวิกฤตยูโรโซน เพื่อประคองเศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นตัวทางน้ำท่วม พร้อมคาด H2/55 เอกชนออกหุ้นกู้อีก 1.5-2.0 แสนล. เป็นผลจากปัญหาวิกฤตยุโรป ทำให้ภาคเอกชนหันระดมเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์พาณิชย์ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่สูงมากนัก ขณะที่ต่างชาติลุยเก็บพันธบัตรรัฐบาล
นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (The Thai Bond Market Association หรือ Thai BMA) กล่าวในเวทีสัมมนาพิเศษ หุ้นกู้ไทย โอกาสการระดมทุนท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมองว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก แต่ยังมี 3 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา ได้แก่ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากปัญหาหนี้ยูโรโซน ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และปัญหาการเมืองในประเทศ ที่อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังขยายตัวต่ำกว่าครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงแรกที่สำคัญที่สุด คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจากวิกฤตหนี้สหภาพยุโรป ที่ส่งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัว ซึ่งต้องติดตามว่าแผนปฏิบัติการรับมือส่งออกของรัฐบาลบรรลุผลมากน้อยเพียงใด
นายบัณฑิต กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ หากรัฐบาลเดินหน้าแผนบริหารจัดการน้ำที่มีความชัดเจน สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ชัดเจนกระทบความเชื่อมั่นและการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกับปัญหาการเมือง ที่หากมีความรุนแรง ก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและการทำธุรกิจของเอกชนด้วย
อย่างไรก็ดี เห็นว่า รัฐบาลต้องมีการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่มีความยืดหยุ่น เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"ก่อนหน้านี้ ไทยเพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้จากน้ำท่วมใหญ่ ดังนั่นรัฐบาลต้องพยายามลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้ง 3 ด้าน เร่งหาทางรับมือโดยเร็ว เพราะถ้าปัญหามีความรุนแรง แต่เราไม่พร้อม ก็จะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจมาก"
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ Thai BMA กล่าวเสริมว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีภาคเอกชนออกหุ้นกู้ต่อเนื่องอีก 1.5-2.0 แสนล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มีการออกหุ้นกู้แล้ว 2.5 แสนล้านบาท
โดยทั้งปี 2555 คาดว่า จะมีเอกชนออกหุ้นกู้รวมทั้งสิ้นประมาณ 3.5-4.0 แสนล้านบาท สูงกว่าการคาดการณ์ไว้เดิมในช่วงต้นปีที่คาดว่าอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท และสูงกว่าปี 2554 ที่มีการออกหุ้นกู้ใหม่ 2.5 แสนล้านบาท เป็นผลจากปัญหาวิกฤตยุโรป ทำให้ภาคเอกชนหันระดมเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเตรียมพร้อมรับมือ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยยังไม่สูงมากนัก
“แนวโน้มครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะมีการออกบอนด์ต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรกที่ออกไปแล้ว 2.5 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นแบงก์ที่จะออกล็อตละ 2 หมื่นล้านบาท”
ทั้งนี้ มองว่านักลงทุนต่างชาติยังคงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ และประเทศอื่น โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.5% ส่วนผลตอบแทนระยะสั้นอยู่ที่ 3%
