“กิตติรัตน์” ใช้วันครบรอบ 15 ปี ลอยค่าเงินบาท เป็นบทเรียน ปลุกผู้บริหาร บจ. ก้าวข้ามวิกฤต ศก.โลก พร้อมส่งสัญญาณบวก ร่วมใจผลักดัน ศก. ฝ่ามรสุมร้ายปี 55 มั่นใจพื้นฐานไทยแข็งปึ้ก ดบ.นโยบายที่ 3% และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 31 บาท/ดอลลาร์ อยู่ในจุดเหมาะสม ขณะที่สภาพคล่องใน ปท. มีสูง สามารถเข็น พ.ร.บ.เงินกู้ 1.6-2.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี ออกลุยโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ได้ทันที
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการสัมมนา “ก้าวสำคัญของบริษัทจดทะเบียนไทย” โดยระบุว่า การลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 ซึ่งจะครบรอบ 15 ปี ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 เกิดจากปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจนต้องลอยตัวเงินบาท และเงินบาทอ่อนค่าจาก 25 บาทไปถึงกว่า 50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้น กลไกการส่งออกปรับตัวดีขึ้นจนทำให้เงินบาทแข็งค่าจาก 50 บาท มาอยู่ที่ 40 และ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
“นับว่าตลอด 5 ปี โครงสร้างเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้เศรษฐกิจไทยขณะนี้เข้มแข็ง สามารถรองรับปัญหาเศรษฐกิจทั้งจากยุโรป และปัญหาอื่นๆ ได้ดี”
นายกิตติรัตน์ มองว่า ปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนที่อยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่ามีความเหมาะสม และมีเสถียรภาพ รวมไปถึงในขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และสภาพคล่องในประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ทำให้เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน มีความแข็งแกร่งต่อการรับมือวิกฤตต่างๆ ที่อาจเกินขึ้นในอนาคต
นายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า ขณะนี้ ไทยมีสภาพคล่องในประเทศสูง จึงเหมาะแก่การกู้เงินในประเทศ และการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเตรียมเดินหน้าออพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 1.6-2.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี เพื่อการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก จะพยายามผลักดันให้ผ่านการพิจารณาของสภาให้ได้ภายใน 6-7 เดือนข้างหน้า เพื่อเร่งนำเงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการลงทุนท่าเรือน้ำลึก รถไฟฟ้า สนามบิน และระบบราง
“ยืนยันว่า แผนกู้เงินดังกล่าวยังอยู่ในกรอบยั่งยืนทางการคลัง ไม่ทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง เพราะเป็นการนำเงินมาก่อสร้างโครงการที่เป็นประโยชน์ และลงทุนโดยรัฐบาล”