xs
xsm
sm
md
lg

TGPRO ตั้งเป้า 3 ปีใช้กำลังผลิต 100% รุกซื้อเครื่องจักรเพิ่มสินค้าใหม่ปั๊มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไทย-เยอรมัน โปรดักส์” เพิ่มเครื่องจักร-เพิ่มสินค้า-เพิ่มกำลังผลิต หวังดันรายได้ปีนี้โต 40% ส่วนอีก 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าใช้กำลังผลิตเต็มสูบจาก 1,000 ตัน/เดือน ขึ้นสู่ 4,000 ตัน/เดือน ช่วยปั๊มรายได้ก้าวกระโดด ผู้บริหารสบช่อง AEC ช่วยขยายตลาด เตรียมรับเงินก้อนต่อไปจากผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน (ลูกสาว) ตามแผนฟื้นฟูฯ เพื่อนำไปซื้อเครื่องจักร ยอมรับล้างขาดทุนสะสม 155 ล้านบาทในปีนี้ไม่หมด

นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TGPRO) เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบประมาณ 362 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่สำหรับผลิตท่อสเตนเลส และท่อสเตนเลส 3 มิติ “Hartsfield” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อการตกแต่งที่มีเส้นลายบนผิวท่อ โดยการซื้อเครื่องจักรใหม่ในครั้งนี้จะทำให้ TGPRO มีกำลังการผลิตเพิ่มจาก 1,000 ตันต่อเดือน เป็น 1,500-2,000 ตันต่อเดือน เพื่อรองรับการขยายตัวในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น 40%

“เรามีลูกค้ากว่า 600 ราย ทั้งที่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อาหารและยา ก่อสร้าง เกษตร กระดาษ และเครื่องดื่ม ต้องการจะซื้อสินค้าจาก TGPRO แต่เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีเพียง 1,000 ตันต่อเดือน ไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้ารายใหม่ได้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ TGPRO ตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่ม”

นอกจากนี้ TGPRO มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตให้ได้ 4,000 ตันต่อเดือน ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องทั้งใน และต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2558 จะมีการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดย TGPRO เล็งเห็นโอกาสจากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งสามารถซื้อขายสินค้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนี้ โรงงานสเตนเลสในประเทศพม่า กัมพูชา และลาว ส่วนใหญ่จะผลิตเพื่อใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ จึงเป็นโอกาสของ TGPRO ที่จะผลิตท่อสเตนเลสสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมส่งเข้าไปจำหน่าย เพราะพบว่าปริมาณความต้องการสเตนเลสในภูมิภาคนี้ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

สำหรับแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 4,000 ตันต่อเดือน ผู้บริหารยืนยันว่า นอกจากเคื่องจักรใหม่ที่เข้ามาเพิ่มคุณภาพสินค้าแล้ว บริษัทยังไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนอย่างใดมาเพิ่มเติม เนื่องจากกำลังการผลิตเต็มที่ของบริษัทอยู่ที่ 4,000 ตันต่อเดือนอยู่แล้ว เแต่ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตเพียง 1 ใน 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หรือเดินเครื่องเพียงแค่กะเดียว และยังไม่ได้เดินเครื่องเต็มที่ตลอด 24 ชม.

ส่วนเงินที่ใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ 362 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะนำมาจากกระแสเงินสด และกำไรจากผลดำเนินงานของบริษัท อีกส่วนจะนำมาจากผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทตามแผนฟื้นฟูกิจการ นั่นคือ น.ส.มณฑิรา ลีลาประชากุล ซึ่งเป็นบุตรสาวของ นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ TGPRO ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,320,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.20 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า 264 ล้านบาท

โดยบริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนส่วนแรกจากเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ น.ส.มณฑิราแล้ว 50 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นเพิ่มทุน 250 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.20 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา และ TGPRO ได้นำไปใช้ในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฉบับแก้ไขจำนวน 30.15 ล้านบาท และเงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 19.85 ล้านบาท นำไปใช้ในการประกอบธุรกิจของบริษัท

ทั้งนี้ ภายในข้อตกลงการซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ได้กำหนดว่า ผู้ซื้อสามารถทยอยซื้อ และชำระราคาหุ้นเพิ่มทุนเป็นคราวๆ ได้ตามแต่ที่ผู้ซื้อจะได้มีหนังสือแจ้งการซื้อมายังบริษัท แต่จะต้องเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนงวดแรกเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 250,000,000 หุ้น ภายในระยะเวลา 6 เดือน ส่วนครั้งต่อไปจะต้องไม่น้อยกว่าจำนวน 10,000,000 หุ้น

ปัจจุบัน TGPRO มีสัดส่วนรายได้การส่งออกต่างประเทศ และในประเทศ อยู่ที่ 30% และ70% ซึ่งสินค้าใหม่ท่อสเตนเลสเพิ่มลวดลาย จะอยู่ในกลุ่มสินค้าท่อสเตนเลสเพื่อตกแต่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30-40% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่ส่วนที่เหลือแบ่งเป็นท่อสเตนเลสเพื่ออุตสาหกรรม 30% และท่อสเตนเลสเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม 30% แต่ในอนาคตเมื่อมีสินค้าใหม่ในไตรมาส 4 ปีนี้ สัดส่วนรายได้จากท่อสเตนเลสเพื่อตกแต่งจะเพิ่มขึ้นมาแตะ 50% ของรายได้รวมทั้งหมด

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาข้อมูลตัวเลขทางการเงินของ TGPRO ในปีที่ผ่านมา พบว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,928 ล้านบาท จากการใช้กำลังผลิตเพียง 1 ใน 4 ของทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าใน 3 ปีข้างหน้า (2557) เมื่อบริษัทใช้กำลังผลิตเต็มที่ 4,000 ตันต่อเดือน จะมีโอกาสที่รายได้รวมของ TGPRO จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าจากปัจจุบันได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการขาดทุนสะสมอยู่ที่ประมาณ 155 ล้านบาท โดยผู้บริหารของบริษัทยอมรับว่า ยังไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดภายในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น