ระยองเพียว เตรียมหารือศูนย์รับฝากหาทางปกป้องผู้ถือหุ้นไม่ให้ได้รับผลกระทบ จากการโดนอายัดเงินปันผลหากเกิดขึ้นอีก “ผู้บริหาร” แจง ยื่นร้องศาลแพ่งถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวในการจ่ายปันผลแล้ว 22 มิ.ย. ยืนยันไม่มีแผนถอนออกจากตลาดหุ้น แม้ปัจจุบัน ธุรกิจหลักหยุดดำเนินการ เผยขณะนี้อยู่ระหว่างหาธุรกิจใหม่ คาดไตรมาส 3 นี้ได้ข้อสรุปลงทุนเหมืองแร่ควอทซ์ พร้อมเตรียมขายโรงกลั่น 2 โรงภายในปีนี้
นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน)หรือ RPC เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ยื่นคำร้องให้ศาลแพ่งมีคำสั่งให้มีวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ ขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการกับ RPC และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ซึ่งเป็นนายทะเบียนของบริษัท ให้ยึด หรืออายัดเงินจำนวน 498.07 ล้านบาท ที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถิอหุ้นรวมกว่า 3 พันราย หรืออัตรา 0.94 บาทต่อหุ้น โดยอ้างต่อศาลว่า บริษัท และผู้ถือหุ้นเจตนายักย้ายทรัพย์สินออกนอกเขตอำนาจศาล ในวันที่ 14 มิถุนายนนั้น
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวในการจ่ายเงินปันผลแล้วในวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อผู้ถือหุ้นจำนวนมาก โดยตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่เคยมีกรณีนี้เกิดขึ้น ซึ่งการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัทมีการดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ
“เงินจ่ายปันผลนั้นอายัดไว้ได้ 300 ล้านบาท จากที่จะจ่ายเป็นเช็ค และโอนผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ แต่การโอนผ่านธนาคารอื่นอีก 100 ล้านบาทนั้น อายัดไม่ทัน ซึ่งมีการโอนเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นไปแล้ว บริษัทไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร เพราะ TSD ไม่เคยเจอแบบนี้ ทาง ตลท.และ ก.ล.ต.ก็ไม่ได้มีการติดต่อมายังที่บริษัท”
ทั้งนี้ RPC จะมีการหารือกับทาง TSD ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพื่อปกป้องผู้ถือหุ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก โดยสาเหตุที่ ปตท.มีการขอศาลแพ่งอายัดเงินปันผลดังกล่าว เนื่องจาก ไม่ต้องการให้บริษัทมีการนำเงินออกมาจ่าย จาก ปตท.มีการฟ้องศาลอนุญาโตตุลาการ กรณีที่บริษัทยังไม่จ่ายเงินค่าวัตถุดิบจำนวน 1,500 ล้านบาท แต่ RPC ได้มีการยื่นฟ้อง ปตท.และบริษัทลูก คือ ATC ต่อศาลอนุญาโตตุลาการ และศาลแพ่งกรณีที่ไม่ส่งวัตถุดิบให้บริษัทตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และจัดส่งวัตถุดิบหลายครั้งไม่ได้คุณภาพทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยฟ้องเป็นจำนวนเงิน 13,000 ล้านบาท และฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายอีก 9,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะอนุญาโตตุลาการเสร็จแล้ว และในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ทางอนุญาโตตุลาการจะเรียกให้ RPC ไปให้ข้อมูลครั้งแรก กรณีที่บริษัทฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ ปตท.จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีที่บริษัทฟ้องร้องต่อศาลแพ่งนั้น ทางศาลแพ่งรอผลการพิจารณาของทางอนุญาโตตุลาการก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีสินทรัพย์กว่า 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่ปตท.ได้มีการฟ้องบริษัท โดยในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก และศูนย์การค้าเพียวเพลส ลดลงจากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 2.4 หมื่นล้าบาท ซึ่งปีนี้ บริษัทยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ และยังไม่แผนที่จะถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาจะเข้าร่วมทุนในเหมืองแร่ควอทซ์ เพื่อสามารถพัฒนาเป็นวัตถุดิบในการทำโซลาร์เซลล์ โดยบริษัทตั้งเป้าจะเป็นโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะสรุปในไตรมาส 3/55 และจะมีการขายโรงกลั่น 2 โรง มูลค่า 2 พันล้านบาทภายในปีนี้
นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน)หรือ RPC เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ยื่นคำร้องให้ศาลแพ่งมีคำสั่งให้มีวิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ ขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการกับ RPC และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ซึ่งเป็นนายทะเบียนของบริษัท ให้ยึด หรืออายัดเงินจำนวน 498.07 ล้านบาท ที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถิอหุ้นรวมกว่า 3 พันราย หรืออัตรา 0.94 บาทต่อหุ้น โดยอ้างต่อศาลว่า บริษัท และผู้ถือหุ้นเจตนายักย้ายทรัพย์สินออกนอกเขตอำนาจศาล ในวันที่ 14 มิถุนายนนั้น
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวในการจ่ายเงินปันผลแล้วในวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อผู้ถือหุ้นจำนวนมาก โดยตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่เคยมีกรณีนี้เกิดขึ้น ซึ่งการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัทมีการดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ
“เงินจ่ายปันผลนั้นอายัดไว้ได้ 300 ล้านบาท จากที่จะจ่ายเป็นเช็ค และโอนผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ แต่การโอนผ่านธนาคารอื่นอีก 100 ล้านบาทนั้น อายัดไม่ทัน ซึ่งมีการโอนเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นไปแล้ว บริษัทไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร เพราะ TSD ไม่เคยเจอแบบนี้ ทาง ตลท.และ ก.ล.ต.ก็ไม่ได้มีการติดต่อมายังที่บริษัท”
ทั้งนี้ RPC จะมีการหารือกับทาง TSD ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพื่อปกป้องผู้ถือหุ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก โดยสาเหตุที่ ปตท.มีการขอศาลแพ่งอายัดเงินปันผลดังกล่าว เนื่องจาก ไม่ต้องการให้บริษัทมีการนำเงินออกมาจ่าย จาก ปตท.มีการฟ้องศาลอนุญาโตตุลาการ กรณีที่บริษัทยังไม่จ่ายเงินค่าวัตถุดิบจำนวน 1,500 ล้านบาท แต่ RPC ได้มีการยื่นฟ้อง ปตท.และบริษัทลูก คือ ATC ต่อศาลอนุญาโตตุลาการ และศาลแพ่งกรณีที่ไม่ส่งวัตถุดิบให้บริษัทตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และจัดส่งวัตถุดิบหลายครั้งไม่ได้คุณภาพทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยฟ้องเป็นจำนวนเงิน 13,000 ล้านบาท และฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายอีก 9,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะอนุญาโตตุลาการเสร็จแล้ว และในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ทางอนุญาโตตุลาการจะเรียกให้ RPC ไปให้ข้อมูลครั้งแรก กรณีที่บริษัทฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ ปตท.จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีที่บริษัทฟ้องร้องต่อศาลแพ่งนั้น ทางศาลแพ่งรอผลการพิจารณาของทางอนุญาโตตุลาการก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีสินทรัพย์กว่า 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่ปตท.ได้มีการฟ้องบริษัท โดยในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก และศูนย์การค้าเพียวเพลส ลดลงจากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 2.4 หมื่นล้าบาท ซึ่งปีนี้ บริษัทยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ และยังไม่แผนที่จะถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาจะเข้าร่วมทุนในเหมืองแร่ควอทซ์ เพื่อสามารถพัฒนาเป็นวัตถุดิบในการทำโซลาร์เซลล์ โดยบริษัทตั้งเป้าจะเป็นโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะสรุปในไตรมาส 3/55 และจะมีการขายโรงกลั่น 2 โรง มูลค่า 2 พันล้านบาทภายในปีนี้