UAC ขยายธุรกิจพลังงาน เร่งโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จาก Associated Gas ที่สุโขทัย คาดเดือนนี้ เตรียมเซ็นสัญญาผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้ารายใหญ่ ระบุ จะสร้างรายได้เพิ่มให้บริษัทฯกว่า 300 ล้านบาทต่อปี ส่วนการผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร ที่เชียงใหม่ เดินเครื่องการผลิตใน ก.ค.นี้ “กิตติ” วางโครงสร้างรายได้อีก 3 ปี แตะ 2 พันล้านบาท ขณะไตรมาส 2 คาดเพิ่มขึ้น 10% เหตุออเดอร์ธุรกิจเคมีภัณฑ์ขยายตัว
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์หรือ UAC ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้า และจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี เปิดเผยถึงโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จาก Associated Gas ที่จังหวัดสุโขทัยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนเพื่อการผลิต LPG, CNG และ NGL โดยใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ในเบื้องต้นคาดว่า จะแล้วเสร็จ และดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปลายไตรมาส 1/2556 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากโครงการดังกล่าวเข้ามาประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าหลักในการรับซื้อผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะสามารถสรุปภายในเดือนนี้
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อก๊าซกับบริษัทต่างชาติที่ได้รับสัมปทานในการขุดเจาะน้ำมันดิบ และก๊าซ ในจังหวัดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขออนุมัติการลงทุนจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 มิ.ย.55 นี้
“โครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จาก Associated Gas เป็นโครงการที่บริษัทฯ ได้รับก๊าซธรรมชาติจากบริษัทต่างชาตินี้ได้รับสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันในเขตจังหวัดสุโขทัย ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จ และดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 1 ปี 56 โดยโครงการนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 16,450 ตัน/ปี ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีรายได้เข้ามาเพิ่มจากโครงการดังกล่าวกว่า 300 ล้านบาทต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป” นายกิตติกล่าว
ส่วนโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร (Compressed Bio-methane Gas) ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นั้น นายกิตติกล่าวว่า จะแล้วเสร็จและกำหนดส่งมอบก๊าซ CBG ให้ ปตท. ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6-8 ตันต่อวัน หรือประมาณ 3,000 ตันต่อปี
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาในการผลิต และซื้อขายก๊าซชีวภาพอัดให้แก่ทาง ปตท. เป็นระยะเวลา 15 ปี และคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวเฉลี่ยปีละ 50 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 55 นี้ อย่างไรก็ตาม หากแผนการขยายการลงทุนในข้างต้นแล้วเสร็จ ตามที่บริษัทฯ คาดการณ์ จะส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจหลัก (เทรดดิ้ง) ประมาณ 85% ของรายได้รวม ส่วนอีก 15% จะมาจากการลงทุน ส่วนประมาณการายได้ไตรมาส 2 ปี 55 นั้น นายกิตติกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประมาณการ แต่ในเบื้องต้นคาดว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าว คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 55 เนื่องจากบริษัทฯ มีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในธุรกิจเทรดดิ้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบัน มีออเดอร์กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งมอบ และคาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามที่คาดการณ์ไว้
