ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ เตรียมส่งมอบก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร (CBG) ให้ PTT ก.ค.นี้ เชื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ เฉลี่ย 50 ล้านบาทต่อปี พร้อมทุ่มงบกว่า 600 ล้านบาท ดันธุรกิจพลังงานโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี จ.สุโขทัย ให้เสร็จทันไตรมาสแรกปี 56 “กิตติ”
มั่นใจ อีก 3 ปีข้างหน้า UAC มีรายได้แตะ 2 พันล้านบาท รองรับการลอยตัวราคาพลังงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ขณะปี 55 เชื่อรายได้แตะพันล้าน
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอน เคมิคัลส์ (UAC) ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้า และจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี เปิดเผยว่า แผนขยายการลงทุน เช่น โครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มสุกร (Compressed Bio-methane Gas ) (CBG) จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จ และกำหนดส่งมอบให้กับ บมจ.ปตท. (PTT) ภายในเดือนกรกฎาคม 55 โดยมีกำลังการผลิตที่ 6- 8 ตัน/วัน หรือประมาณ 3,000 ตัน/ปี ทั้งนี้ UAC ได้เซ็นสัญญาในการผลิตก๊าซชีวภาพอัดเพื่อส่งมอบและจำหน่ายให้แก่ PTT เป็นระยะเวลา 15 ปี และคาดว่าจะได้รับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว เฉลี่ยปีละประมาณ 50 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 3/55 เป็นต้นไป
ส่วนกรณีที่บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจาก UOP ในการเข้าไปจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ให้แก่ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานในการเข้าไปเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า แผนดังกล่าวจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งสำนักงานสาขาในพม่า ซึ่งต้องดูกฏระเบียบ ข้อกฏหมาย และอัตราภาษีต่างๆ ให้ชัดเจน รอบคอบก่อน
สำหรับโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จาก Associated Gas จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นโครงการลงทุนเพื่อการผลิต LPG, CNG และ NGL นั้น ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้เดินหน้าโครงการดังกล่าวแล้ว โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซกับบริษัทฯ ต่างชาติที่ได้รับสัมปทานในการขุดเจาะน้ำมันดิบ และก๊าซ ในเขตจังหวัดสุโขทัย เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาขายผลิตภัณฑ์ของโครงการนี้ ให้แก่บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ด้านพลังงานภายในประเทศอยู่ โดยคาดว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มทำการผลิตได้ประมาณปลายไตรมาส 1/2556 และจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 300 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม หากแผนการขยายการลงทุนในข้างต้นแล้วเสร็จตามที่บริษัทฯคาดการณ์ จะส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งก็จะเป็นไปตามแผนการขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ซึ่งจะสอดคล้องกับการที่กระทรวงพลังงาน ที่มีนโยบายลอยตัวราคาพลังงานทุกประเภท และมีการส่งเสริมสนับสนุนโครงการก๊าซชีวภาพอัด และพลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อรองรับการเปิดเสรีของประชาคมอาเซียน(AEC)
สำหรับรายได้ในปี 55 นั้น บริษัทฯได้ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจหลัก (เทรดดิ้ง) ประมาณ 85% ของรายได้รวม ส่วนอีก 15% จะมาจากบริษัทร่วมทุน โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตทางด้านกำไรสุทธิ อยู่ที่ 37.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.53% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนกำไรสุทธิ มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง (สารเคมีภัณฑ์) ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก 67% และธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุ บางจากไบโอฟูเอล(BBF) 33%
ทั้งนี้ สาหตุที่บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาสดังกล่าว เนื่องจากปริมาณการความต้องการสารเคมีที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมโพลิเมอร์ และพลาสติก กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารต้นทุนสินค้า และได้รับรายได้เพิ่มเติมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการตลาดให้แก่ Partners ต่างประเทศหลายบริษัท สำหรับ BBF ก็มีการผลิตต่อเนื่องเกินกว่า 100% ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา