xs
xsm
sm
md
lg

GUNKUL ควัก 522 ลบ. ร่วมทุน WED

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ทุ่มงบ 522 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 70%ในบริษัทพัฒนาพลังงานลม หรือ WED ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง ขนาด 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท “โศภชา” ประเมินมีรายได้จากการขายไฟฟ้าถึง 750 ล้านบาทต่อปี ระบุการร่วมทุนครั้งนี้เสริมศักยภาพของธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพในอนาคต

น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ถือว่ามีอัตราการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ โดยยังเน้นขยายการลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างครบวงจร และเสริมจุดแข็งให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

โดยล่าสุด GUNKUL ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด (WED) จำนวน 5.46 ล้านหุ้น จาก บริษัท อิมแพคเอนเนอยี่ เอเชีย ลิมิเต็ด (IEA) เพื่อเข้าลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ขนาดกำลังผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ WED ประกอบธุรกิจพัฒนา และทำกิจการโรงไฟฟ้า เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานลมให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 1 สัญญา กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ และจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานลมให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 2 สัญญา กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ และ 2 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 3 สัญญาได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตรา 3.50 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี
 
โดยคาดว่าในส่วนของคู่สัญญากับ กฟภ.จำนวน 2 สัญญา จะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2556 ส่วนคู่สัญญากับ กฟผ. จำนวน 1 สัญญาจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพร้อมสายส่ง และสถานีย่อยไฟฟ้า และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2558 ในเบื้องต้นคาดว่า GUNKUL จะมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และ กฟภ. กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์นี้ ประมาณ 750 ล้านบาทต่อปี แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า

จากความมุ่งมั่นในการทำงานของทีมผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท รวมถึงปริมาณงานที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 26 เมกะวัตต์ จากบริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด (GPS) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30.9 เมกะวัตต์ ของ บริษัท กันกุล พาวเวอร์เจน จำกัด ส่งผลทำให้ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2555 สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 55 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 395.28 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.90 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 337.38 ล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวถึง 582.69% ขณะที่รายได้รวมของกลุ่มบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,388.63 ล้านบาท จากงวดเดียวกันกับปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมจำนวน 470.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 918.14 ล้านบาท คิดเป็น 195.10%
ทั้งนี้ มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการรับเหมางานก่อสร้าง 488.75 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด 416.22 ล้านบาท (รวมผลกำไรส่วนที่เกิดจากการรับรู้มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วยมูลค่ายุติธรรม ณ วันที่โอนจำหน่ายเงินลงทุนให้แก่ผู้ร่วมทุน และขาดซึ่งอำนาจในการควบคุม 97.01 ล้านบาทแล้ว)

“ความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรก อันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทด้วย ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ยังไม่รวมโครงการที่ยื่นประมูลแล้ว และเตรียมยื่นอีกกว่า 3,000 ล้านบาทในปีนี้ ดังนั้น จึงคาดว่าปี 55 ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทจะเติบโตตามเป้าที่วางไว้ โดยไม่น้อยกว่า 60% จากปีก่อน” น.ส.โศภชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น