เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนปฏิเสธการวินิจฉัยในชั้นต้นของกระทรวงพาณิชย์มะกัน ที่กล่าวหาว่า จีนทุ่มตลาดแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และเตรียมเก็บภาษีนำเข้าเป็นการตอบโต้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ วินิจฉัยเมื่อวันพฤหัสฯ (17 พ.ค.) ว่า บริษัทผู้ผลิตแดนมังกรขายเซลล์แสงอาทิตยและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ในราคา ที่ต่ำกว่าราคาที่เป็นธรรม สร้างความเสียหายแก่ผู้ผลิตของสหรัฐฯ โดยหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป รัฐบาลสหรัฐฯ ก็อาจจำเป็นต้องจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าวจากจีนในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 31
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาตอบโต้ว่า เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งฝ่ายจีนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง พร้อมกับเตือนด้วยว่า การจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำลายความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
ด้านผู้ผลิตรายใหญ่ 3 รายของจีนได้แก่ อิงหลี่ กรีน เอ็นเนอร์จี โฮลดิงส์ (Yingli Green Energy Holdings), ซันเทคพาวเวอร์โฮลดิงส์ (Suntech Power Holdings) และทรินาโซลาร์ (Trina Solar) ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทขายสินค้าในราคาต่ำกว่าความเหมาะสม
ความขัดแย้งล่าสุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างชาติทั้งสองทวีความตึงเครียด โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และจีนให้คำมั่นร่วมมือกันในการพัฒนาการใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหากันว่า ละเมิดกฎการค้าเสรีด้วยการให้เงินอุดหนุนผู้ผลิตในชาติตนเอง
ทั้งนี้ บริษัทผลิตเซลล์แสงอาทิตย์และแผงพลังงานแสงอาทิตย์แดนมังกรก้าวมาอยู่ในกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลกในช่วงสิบปี
ที่ผ่านมา โดยส่งออกไปยังเยอรมนี สเปน และตลาดอื่นๆ ซึ่งส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม บริษัทคู่แข่งต่างชาติร้องเรียนว่า ผู้ผลิตจีนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในรูปของการนำเข้าวัตถุดิบด้วยต้นทุนที่ต่ำ การกู้ยืมจากธนาคาร และการสนับสนุนอื่นๆ ด้านรัฐบาลปักกิ่งยอมรับว่า ให้การสนับสนุนด้านการวิจัยและมาตรการด้านภาษี แต่ดำเนินไปภายใต้กฎระเบียบการค้าเสรี ที่ปฏิบัติโดยรัฐบาลชาติอื่นๆ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มการสอบสวนการทุ่มตลาดเมื่อเดือน พ.ย. หลังจากมีการยื่นเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ผลิตของสหรัฐฯ โดยการนำของบริษัทโซลาร์เวิลด์อินดัสทรีส์อเมริกา (SolarWorld Industries American Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของโซลาร์เวิลด์ของเยอรมนี ด้านรัฐบาลจีนก็ตอบโต้ด้วยการเปิดการสอบสวนเช่นว่า การสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีพลังงานลม แสงอาทิตย์ และอื่นๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าข่ายเป็นการสร้างกำแพงการค้าหรือไม่