“ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี” มั่นใจตลาดคอนกรีตเติบโตสูง ดันผลประกอบการดีต่อเนื่อง ตั้งเป้ามาร์จิ้นทั้งปีไม่ต่ำกว่า 14% คาดราคามีแนวโน้มขยับขึ้นตามต้นทุนการผลิต ประกาศลุยตลาด Precast ต่อเนื่อง โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกกวาดกำไร 33.2 ล้านบาท โตกระฉูด 591.7% ขณะที่งานในมือมูลค่าสูงต่อเนื่อง 2.2 พันล้านบาท พร้อมประมูลงานใหม่เพิ่ม
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจคอนกรีตในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้มีทิศทางการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเป็นผลจากความต้องการใช้งานในตลาดยังอยู่ในระดับสูง ตามการขยายตัวของโครงการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโครงการภาคเอกชน ซึ่งความต้องการใช้งานดังกล่าวมีสัดส่วนของคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ในอัตราที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัททั้งในส่วนของยอดขาย และความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากคอนกรีตสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ซึ่งในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ประมาณ 14% เป็นอย่างต่ำ เติบโตจากปีที่แล้วซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 12%
ส่วนทิศทางราคาคอนกรีตในปีนี้คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามต้นทุนการผลิตและแรงงาน ซึ่งบริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นบางส่วน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะปรับราคาเพิ่มเติม เนื่องจากต้นทุนการผลิต และราคาจำหน่ายยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่หากต้นทุนมีการปรับสูงขึ้นก็จำเป็นต้องมีการพิจารณาโครงสร้างราคาจำหน่ายให้สูงขึ้นตามเช่นกัน
“ในปีนี้ CCP จะมีการเติบโตของกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นในระดับที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต และนโยบายการดำเนินงานที่เน้นการขายสินค้ากลุ่มอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น ซึ่งได้แก่ คอนกรีตสำเร็จรูป และอิฐมวลเบา ขณะที่รายได้รวมของบริษัทในปีนี้คาดว่าเป็นไปตามเป้าหมายโดยมีการเติบโตประมาณ 15% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7.4%” นายชาคริต กล่าว
สำหรับผลประกอบการของ CCP ในไตรมาส 1/55 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 578.5 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 579 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 33.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 591.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 4.8 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 17.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.9% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นเป็นผลมาจากการเติบโตของราคาขายในทุกหน่วยธุรกิจ ทั้งปูนผสมเสร็จ คอนกรีตสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง และอิฐมวลเบา
โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ประมาณ 35-40% ปูนผสมเสร็จ (Ready Mix) ประมาณ 60-68% ของบริษัทแม่ ซึ่งบริษัทแม่มีรายได้รวมคิดเป็น 50% ของกลุ่ม บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด อยู่ที่ 15% และบริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด อยู่ที่ 35%
นายชาคริต กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของมูลค่างานในมือของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 60% งานภาคเอกชน 40% โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 18 เดือน ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 งานในมือส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นงานภาคเอกชนขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีการรับรู้รายได้ค่อนข้างเร็ว แต่บริษัทก็มีความพร้อมในการเข้าประมูลงานโครงสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกัน