xs
xsm
sm
md
lg

CCP เผยตลาดพรีคาสต์คึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี” เผยตลาดพรีคาสต์คึกคัก งานก่อสร้างขยายตัวสวนทางแรงงานขาดแคลน ผู้ประกอบการหันใช้คอนกรีตสำเร็จรูป ดันยอดขายโตตาม มั่นใจภาพรวมธุรกิจก่อสร้างยังสดใส มีงานใหม่ทั้งรัฐและเอกชนเพิ่มตลอดปี คาดรายได้โตอย่างน้อย 15-20%

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการขยายตัวค่อนข้างมาก โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30% และตลาดมีการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นผลมาจากงานก่อสร้างโครงการประเภทต่างๆ เช่น โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ เมกะโปรเจกต์ภาครัฐมีปริมาณที่สูงขึ้น สวนทางกับแรงงานในภาคธุรกิจก่อสร้างที่อยู่ในภาวะค่อนข้างขาดแคลน ทำให้ความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปในงานก่อสร้างโครงการประเภทต่างๆ เพื่อให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดปรับตัวสูงขึ้น

“ตลาดคอนกรีตโดยรวมช่วงที่เหลือของปีนี้ พรีคาสต์มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะความต้องการที่สูงขึ้น จากโครงการก่อสร้างแทบทุกประเภท ขณะที่คอนกรีตผสมเสร็จเชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว เพราะงานโครงสร้างต่างๆ ของโครงการแทบทุกประเภท จะหันมาใช้คอนกรีตประเภทพรีคาสต์มากขึ้น เพื่อทดแทนปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระยะเวลาในการก่อสร้าง” นายชาคริต กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการดังกล่าวของตลาด ส่งผลให้ยอดขายคอนกรีตพรีคาสต์ของ CCP มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจุบัน มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 40% ขณะที่คอนกรีตผสมเสร็จมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% และคาดว่าในปีนี้ ยอดขายคอนกรีตพรีคาสต์จะยังมีการปรับตัวสูงขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงแล้ว ปัจจุบัน ยังมีผู้ผลิตคอนกรีตเพียงไม่กี่รายที่สามารถผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าภาคธุรกิจก่อสร้างโดยรวมในปีนี้จะมีการเติบโตตลอดทั้งปี ไม่ได้เป็นเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากงานฟื้นฟูหลังน้ำท่วมเท่านั้น เนื่องจากภาครัฐยังมีแผนที่จะลงทุนใน โครงการเมกะโปรเจกต์อีกเป็นจำนวนมาก เช่น งานป้องกันน้ำท่วม ระบบคมนาคม รถไฟฟ้าสายต่างๆ ผนวกกับการลงทุนของภาคเอกชนที่มีการขยายตัวทั้งในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่

ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานของ CCP ในปีนี้ คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตอย่างน้อย 15-20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,246 ล้านบาท และจะพยามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 13-14% ขณะที่มูลค่างานในมือ ณ สิ้นเดือน มี.ค. 55 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยเป็นงานที่จะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 18 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น