“วิรัตน์ เอี้ยวอักษร” บิ๊กกฤษดามหานคร เปิดแผนพลิกฟื้นกิจการ หลังรับเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม 800 ล้านบาท วางแผนนำไปใช้คืนหนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาโครงการ ก่อนเพิ่มทุนให้ PP อีกรอบภายในปีนี้ เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/55 นี้ ส่วนปีหน้าพลิกมีกำไรสุทธิ และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 57 พร้อมกันนี้ ยังมีแผนรีแบรนด์เพื่อล้างภาพผู้ถือหุ้นเดิมกลุ่ม “กฤษดาธานนท์” สู่การบริหารแบบมืออาชีพ
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับเงินจากการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 2,021.39 ล้านหุ้น ซึ่งมีกำหนดชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 9-15 พฤษภาคมนี้ โดยจะได้รับเงินเพิ่มทุนเข้ามาประมาณ 800 ล้านบาท จะทำให้ฐานะทางการเงินของ KMC มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินส่วนหนึ่งประมาณ 300 ล้านบาท ไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 500 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแนวราบ และแนวสูงคือ คอนโดมิเนียม
“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะให้การสนับสนุน KMC ด้วยการใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อให้กิจการของ KMC สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งครั้งนี้ได้สมนาคุณให้แก่ผู้ถือหุ้นที่อยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอด ด้วยการแจกวอร์แรนต์ฟรีให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ และหากท่านใดใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ก็จะได้วอร์แรนต์อีกหนึ่งต่อในสัดส่วน 2 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์”
โดยหลังจากเพิ่มทุนให้แก่ผู้หุ้นเดิมของ KMC แล้ว บริษัทเตรียมจะขายหุ้นเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 2,000 ล้านหุ้น ให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง หรือ PP ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนประมาณ 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากได้เงินเพิ่มทุนก้อนดังกล่าวแล้ว จะทำให้บริษัทมีเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E จะลดลงเหลือเพียง 0.5 เท่า อีกทั้งยังมั่นใจว่านักลงทุนที่เข้ามาถือหุ้น จะสามารถช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ KMC ให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น
“เมื่อได้รับเงินจากการเพิ่มทุนแล้วจะทำให้ KMC มีเงินไปชำระหนี้บางส่วน และนำอีกก้อนมาขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยสามารถผุดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทต่อไปในอนาคต ซึ่งหากเป็นไปตามแผนงานที่วางเอาไว้คาดว่าประมาณไตรมาส 4/55 จะเป็นไตรมาสแรกที่สามารถพลิกมีกำไรได้สำหรับปีนี้ แต่ภาพรวมทั้งปียังจะมียอดขาดทุนสุทธิเล็กน้อย ส่วนในปี 56 โดยภาพรวมน่าจะได้เห็นตัวเลขเป็นบวกคือ มีกำไรสุทธิได้ และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 57
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับภาพลักษณ์ หรือรีแบรนดิ้ง เพื่อลบภาพของกลุ่มกฤษดาธานนท์ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานใน KMC แล้ว มาสู่การบริหารแบบมืออาชีพ และมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องรอกระบวนการเพิ่มทุนแล้วเสร็จก่อน