xs
xsm
sm
md
lg

SCB เพิ่มประมาณการ ศก.โต 5.6-5.8% ภาคอุตฯ-ใช้จ่ายฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยเป็นโต 5.6-5.8% จากเดิม 4.5-4.7% จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวมากในไตรมาส 2 การใช้จ่าย-ลงทุนภายในประเทศที่ดีขึ้น แต่ยังห่วงเรื่องต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และศก.ยุโรปยังป่วนค่าเงิน

น.ส.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ Chief Economist และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ประเมินว่าในปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าประมาณการเมื่อต้นปีค่อนข้างมาก โดย GDP ภาคอุตสาหกรรมจะเริ่มเติบโตเทียบกับปีที่แล้วได้ในไตรมาส 2 และทั้งปีจะขยายตัวได้ถึง 8.5% ปัจจัยสำคัญคือ ผู้ประกอบการมีความมั่นใจที่จะลงทุนฟื้นฟูกิจการ ทำให้การผลิตกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นใกล้เคียงกับระดับปกติ ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่สนับสนุนภาคการผลิตนั้นจะขยายตัวได้ประมาณ 12% นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐน่าจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายโดยรวมเติบโตได้มากในไตรมาสสุดท้าย

ดังนั้น EIC ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เป็น 5.6-5.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 4.5-4.7% อันเป็นผลมาจากปัจจัยบวกในประเทศคือ การฟื้นตัวที่รวดเร็วของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้จ่ายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการลงทุน ทั้งนี้ ธุรกิจจะเติบโตภายใต้ภาวะที่ต้นทุนสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างแรงงาน ราคาพลังงาน หรือต้นทุนทางการเงิน ความเสี่ยงหลักในปีนี้มาจากปัจจัยภายนอกประเทศโดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่อาจลุกลามไปยังประเทศใหญ่ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ เรื่องของภาวะต้นทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยแรกคือ ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินว่าจะทำให้ต้นทุนโดยเฉลี่ยของธุรกิจไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 3.3% และจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% ปัจจัยที่ 2 คือ ราคาพลังงานที่มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยแรกแล้วทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.5-4% และปัจจัยสุดท้ายคือต้นทุนทางการเงิน ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่ายังจะคงอยู่ที่ 3% ในปีนี้ แต่ต้นทุนการกู้ยืมอาจแพงขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากการระดมเงิน และยังป็นไปได้สูงที่การระดมเงินในสกุลดอลลาร์จะทำได้ยากเ พราะธนาคารในยุโรปอาจประสบกับปัญหาความเชื่อมั่นอีกครั้ง

“ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ การส่งออกของไทยซึ่งมียุโรปเป็นสัดส่วนถึงราว 1 ใน 10 โดยล่าสุด การส่งออกไปยังยุโรปในเดือนมีนาคมหดตัว 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังคาดการณ์ว่า ส่งออกของไทยในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ราว 13% ขณะที่ผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตาม โดยประเมินว่า เงินบาทจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทคงไม่สามารถแข็งค่าได้มากเหมือนปีก่อนๆ เพราะมีปัจจัยในประเทศ เช่น การเกินดุลการค้าที่น่าจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมา และปัจจัยต่างประเทศที่ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง”
กำลังโหลดความคิดเห็น