ASTVผู้จัดการรายวัน - “ฉาย บุนนาค” เตรียมทำหนังสือถึง ก.ล.ต.ขอเข้าไปชี้แจงข้อมูลกรณีถูกกล่าวโทษรู้เห็นเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง รับความเสียหาย จากที่ผ่านมาไม่ได้รับการติดต่อจาก ก.ล.ต.ให้เข้าชี้แจงข้อมูล พร้อมเตรียมตั้งที่ปรึกษากฎหมายสู้คดี
นายฉาย บุนนาค อดีตผู้บริหารบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEN เปิดเผยว่า ตนจะมีการทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สัปดาห์หน้า ในการขอเข้าไปชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษตน จากที่ผ่านมา ตนไม่ได้รับการติดต่อจาก ก.ล.ต.ให้เข้าไปชี้แจงเลย และไม่ทราบเรื่องดังกล่าวจนกระทั่ง ก.ล.ต.ได้มีการออกข่าวกล่าวโทษ ซึ่งตนเองยังไม่รู้ด้วยว่าตนผิดตรงไหน เพราะ ตนได้มีการลาออกจากการเป็นกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือGEN ตั้งแต่ปี 2553 แต่กรณีที่เกิดขึ้นนั้นเดือนพฤษภาคม 2554 และตนไม่มีอำนาจให้ใครทำตามที่ตนบอกได้ และปัจจุบัน ตนไม่ได้มีการถือหุ้นใน GEN หลังจากที่มีการออกไป ตั้งแต่ปี 2553
“ผมเพิ่งรู้เรื่องว่าถูกกล่าวโทษจาก ก.ล.ต.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.นี้ ซึ่งตนไม่ได้รับการแจ้งจาก ก.ล.ต.เลย ซึ่งตนถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และตนได้มีการลากออกจากกรรมการ GENตั้งแต่ปี 53 และโครงสร้างบริษัทเปลี่ยนไปแล้ว และตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับ GEN เลยแต่ก่อนหน้านี้ทราบว่า นายอำนาจ ตันกุริมาน ได้มีการเข้าไปชี้แจงกับ ก.ล.ต.ซึ่งนายอำนาจบอกว่าเขาจะต่อสู้เอง ส่วนการที่ตนขายหุ้น PLUS นั้น วันที่ 9 มิ.ย.เป็นการขายให้กองทุน Swift Success Group ltd. ราคาที่ 0.70 บาท และไม่ได้ขายให้แก่ GEN ” นายฉายกล่าว
ทั้งนี้ ตนจะมีการตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายในการดำเนินการต่อสู้คดีนี้เพราะ ตนมองว่าตนไม่มีความผิด และการที่ ก.ล.ต.มากล่าวโทษนั้นสร้างความเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจของตน ทั้งคู่ค้า ชื่อเสียง โดยที่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีการตัดสิน หากศาลมีคำสั่งว่าตนผิดจริงพร้อมที่จะยอมรับ แต่ขณะนี้กระบวนการยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่เชื่อว่าเรื่องนี้ ก.ล.ต.ส่งไปที่ศาลแล้ว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ก ล.ต. กล่าวโทษนายอำนาจ ตันกุริมาน ประธานกรรมการบริหารและกรรมการของบริษัทเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GEN) นายฉาย บุนนาค และนายกิตติชัย เขียวขำ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นพนักงาน GEN ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย รวมถึงมีการทุจริตถ่ายเทผลประโยชน์จากบริษัทโดยมิชอบ ผ่านการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์
และจากกรณีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2555 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอำนาจ กรณีมีหลักฐานน่าเชื่อว่าร่วมรู้เห็นกับนายฉายดำเนินการให้ GEN ซื้อขายหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทพี พลัส พี จำกัด (มหาชน) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2554 โดยทุจริตในลักษณะจับคู่ซื้อขายเพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายฉาย และของบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าเชื่อว่ามีนายฉายเป็นผู้ควบคุมสั่งการ และหรือรับประโยชน์ โดยมีนายกิตติชัยให้การช่วยเหลือสนับสนุนในด้านการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของ GEN จนเป็นเหตุให้ GEN ได้รับความเสียหาย
ที่มาของการตรวจสอบจนเป็นผลให้มีการดำเนินคดีกับบุคคลในกรณีนี้ สืบเนื่องจากข้อมูลที่ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการรายงานพฤติกรรมอันควรสงสัยจากผู้สอบบัญชีของ GEN รวมทั้งจากการรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ ที่ได้จากการตรวจสอบ ทำให้มีพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อได้ว่า พฤติกรรมของนายอำนาจ นายฉาย และนายกิตติชัย เข้าข่ายกระทำโดยทุจริตอันเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 มาตรา 307 และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ก.ล.ต. ได้แจ้งให้ GEN แก้ไขงบการเงินประจำปี 2554 เนื่องจากผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขตการตรวจสอบโดยผู้บริหารในประเด็นที่ GEN ได้นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยได้นำไปซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัท พี พลัส พี จำกัด (มหาชน) และได้ซื้อเกินจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร จนทำให้ GEN มีผลขาดทุน และผู้สอบบัญชียังพบว่า มีข้อบกพร่องอย่างมากในระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นดังกล่าวจนเกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รายละเอียดปรากฏตามข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 26/2555