คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ ประเมินไตรมาสแรกผลงานเข้าเป้า เหตุคำสั่งซื้อปีก่อนล้นเข้ามา และส่งมอบงานลูกค้าให้ทันตามกำหนด เผย Backlog ปัจจุบันกว่า 300 ล้านบาท รับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ต้องรีบเร่งประมูลงานรัฐ และเอกชนเพิ่ม หลังส่วนขยายโรงงานเฟส 2 ใกล้แล้วเสร็จ ชี้เพิ่มการส่งออกต่างประเทศต่อเนื่อง หาดูช่องทางใหม่เพิ่มขึ้นและโอกาสที่เหมาะสม ส่วนปีนี้ยังคงการเติบโตที่ 20%
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ QTC เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 1/2555 เท่าที่ประเมินเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าจะมีแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯเร่งส่งมอบสินค้าให้ได้ตามกำหนด แม้ในไตรมาสนี้จะไม่มีการประมูลงานในภาครัฐเข้ามา แต่ยังมีคำสั่งซื้อบางส่วนที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวกระจายให้รายได้ทั้งปีมีอัตรารับรู้เฉลี่ยในระดับดีขึ้นมา จากเดิมที่ไตรมาส 3 และ 4 เป็นไตรมาสที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ที่พร้อมจะดำเนินการผลิตและส่งมอบสินค้าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ไม่นับรวมถึงงานประมูลของภาครัฐบาล ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 2 เช่นกัน ซึ่งจะสอดคล้องกับการขยายโรงงานหม้อแปลงไฟฟ้าเฟส 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อรองรับเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ตามกำหนดการเดิม ส่วนมูลค่าของการประมูลนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายนอกจากจะทำให้บริษัทฯ มีการอัตราการผลิตรวมของหม้อแปลงไฟฟ้า ตั้งแต่ขนาด 30-30,000 KVA เพิ่มขึ้น 20% จากปัจจุบัน ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้าน KVA บริษัทฯเชื่อว่าจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในแต่ละปีลงได้
สำหรับแผนการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และกลุ่มอาเซียน ที่มีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการประเมินถึงศักยภาพของการใช้ไฟฟ้า และการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ เพื่อหาโอกาสขยายตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนรายได้ของ QTC ยังคงแบ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 85% และ 15% เป็นการจำหน่ายยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ของปี 2555 จะมีแนวโน้มที่ดีตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ถือเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20% ตามการเติบโตของธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ ต้องการให้มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคตที่จะมีการเปิดเสรีอาเซียน หรือ AEC และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2556-2558)
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ QTC เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 1/2555 เท่าที่ประเมินเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าจะมีแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯเร่งส่งมอบสินค้าให้ได้ตามกำหนด แม้ในไตรมาสนี้จะไม่มีการประมูลงานในภาครัฐเข้ามา แต่ยังมีคำสั่งซื้อบางส่วนที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวกระจายให้รายได้ทั้งปีมีอัตรารับรู้เฉลี่ยในระดับดีขึ้นมา จากเดิมที่ไตรมาส 3 และ 4 เป็นไตรมาสที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ที่พร้อมจะดำเนินการผลิตและส่งมอบสินค้าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ไม่นับรวมถึงงานประมูลของภาครัฐบาล ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 2 เช่นกัน ซึ่งจะสอดคล้องกับการขยายโรงงานหม้อแปลงไฟฟ้าเฟส 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อรองรับเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ตามกำหนดการเดิม ส่วนมูลค่าของการประมูลนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายนอกจากจะทำให้บริษัทฯ มีการอัตราการผลิตรวมของหม้อแปลงไฟฟ้า ตั้งแต่ขนาด 30-30,000 KVA เพิ่มขึ้น 20% จากปัจจุบัน ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้าน KVA บริษัทฯเชื่อว่าจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในแต่ละปีลงได้
สำหรับแผนการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และกลุ่มอาเซียน ที่มีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการประเมินถึงศักยภาพของการใช้ไฟฟ้า และการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ เพื่อหาโอกาสขยายตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนรายได้ของ QTC ยังคงแบ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 85% และ 15% เป็นการจำหน่ายยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ของปี 2555 จะมีแนวโน้มที่ดีตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ถือเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20% ตามการเติบโตของธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ ต้องการให้มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคตที่จะมีการเปิดเสรีอาเซียน หรือ AEC และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2556-2558)