“บีโอไอ” เร่งปรับยุทธศาสตร์ ทบทวนโครงสร้างใหม่ทั้งหมด โดยประสานงานกับ “กระทรวงการคลัง” เพื่อกำหนดทิศทาง คาดแล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับ “เออีซี” ในปี 58
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนเองได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปปรับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน และการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน เพื่อเตรียมเข้าสู่การแข่งขัน และรองรับการเปิดการลงทุนเสรีหลังการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยเมื่อเกิดเออีซีแล้ว คาดว่าจะมีบางอุตสาหกรรมที่ไทยได้ประโยชน์ และอาจมีบางส่วนที่เสียประโยชน์
ดังนั้น ไทยจะต้องมีการทบทวนโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การลงทุนในช่วง 3-5 ปี โดยบีโอไอทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อประเมินว่า ทิศทางการส่งเสริมการลงทุนต้องการสนับสนุน หรือลดการให้สิทธิประโยชน์ในอุตสาหกรรมใด ซึ่งบีโอไอจะดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อที่จะประกาศให้นักลงทุนทราบต่อไป
“เราเติบโตแบบคงที่ สู้กับประเทศที่มาใหม่ไม่ได้ ดังนั้น เราต้องทบทวนโครงสร้างทั้งหมดและกำหนดยุทธศาสตร์ 3-5 ปีข้างหน้าว่า อยากให้สิทธิประโยชน์ทางไหนมาก หรือปรับลดลง บีโอไอและกระทรวงการคลัง กำลังศึกษาดูว่ามีอะไรที่ควรทบทวน หรือปรับเพิ่มอะไรได้อีก เช่น อุตสาหกรรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม และลอจิสติกส์ เป็นอุตสาหกรรมที่บีโอไอจะให้การส่งเสริม เป็นต้น”
ขณะเดียวกัน บีโอไอก็จะสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งจะได้รับประโยชน์ หลังจากเออีซีมีผลบังคับใช้ในปี 2558 ซึ่งสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ในการสร้างโอกาส และลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการไทย และพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก
นอกจากนี้ บีโอไอจะเร่งให้ความรู้ และความเข้าใจ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเชื่อว่า หากเอกชนไทยมีความเช้าใจ และเป็นมิตรที่ดีกับเพื่อนบ้าน ก็จะเติบโตไปพร้อมกัน และได้ประโยชน์จากการเกิดของเออีซีร่วมกันด้วย