โบรกฯ ชี้หุ้นไทยช่วงบ่าย เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับช่วงเช้า รับข่าวตัวเลข PMI จีน และการขยายวงเงินกองทุนคุ้มครองยูโรโซน ส่วนสถานการณ์ในภาคใต้ คาดไม่มีผลกระทบ ให้กรอบลงทุน แนวรับ 1,190 จุด แนวต้าน 1,210 จุด
ดัชนีหลักทรัพย์ ช่วงการซื้อขายรอบเช้า (2เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,202.06 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด หรือ 0.44% มูลค่าการซื้อขาย 9,345.87 ล้านบาท ภาพรวมดัชนีดีดตัวขึ้น รับแรงหนุนจากดัชนี PMI ของจีนที่เพิ่มขึ้น และข่าวการขยายวงเงินกองทุนคุ้มครองยูโรโซน ระหว่างการซื้อขายดัชนีปรับตัวแตะจุดสูงสุด 1,202.27 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,195.21 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 538.48 ล้านบาท ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 0.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 456.29 ล้านบาท ปิดที่ 187.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 442.58 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท TUF มูลค่าการซื้อขาย 414.75 ล้านบาท ปิดที่ 73.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท และ MALEE มูลค่าการซื้อขาย 405.27 ล้านบาท ปิดที่ 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากอ่อนตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุมาจากรับแรงหนุนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทางยูโรโซนได้มีมติเพิ่มวงเงินกองทุนคุ้มครองยูโรโซนเพื่อป้องกันปัญหาหนี้ไม่ให้ลุกลาม ส่วนเหตุการณ์การระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา และปัตตานี มองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก แต่จะมีผลโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยวมากกว่า
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับช่วงเช้า พร้อมให้แนวรับ 1,190 จุด แนวต้าน 1,210 จุด