“เอ็มทีเอส แม่ทองสุก” ตั้งเป้ายอดขายทองคำแท่งปี 55 แตะ 6 แสนล้านบาท ชี้แม่ช่วงนี้โกลด์ฟิวเจอร์ส ผันผวนจนวอลุ่มลด แต่ความต้องการลงทุนทองคำแท่งยังขยายตัวไม่หยุด พร้อมวางเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไม่เกิน 2 ปีจากนี้
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ในปี 2555 บริษัทตั้งเป้ามียอดขายทองคำแท่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 400,000 ล้านบาทอีก 40-50% หรือประมาณ 500,000–600,000 ล้านบาท โดยคาดว่าส่วนหนึ่งจะมาจากพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจส่งออดเดร์มาให้ประมาณ 10%
ส่วนเป้ามาร์เกตแชร์ โกลด์ฟิวเจอร์ส ในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15-17% จากปีก่อน 14-16% ส่วนหนึ่งมาจากในช่วงมิ.ย.นี้ บริษัทจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) (TFEX) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แบบฟูลไลเซนส์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าของ TFEX ได้ครบทุกรูปแบบ นอกเหนือจาก โกลด์ ฟิวเจอร์ส และซิลเวอร์ ฟิวเจอร์สในปัจจุบัน
“ภาพรวมปีนี้ โกลด์ ฟิวเจอร์สมีความผันผวน อีกทั้งตลาดหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันไปให้ความสำคัญต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ แต่ทองคำแท่งยอดความต้องการไม่ได้ลดลงไปเลย มีแต่เพิ่มขึ้น ทำให้ในปีนี้เราหันมาเน้นเรื่องดังกล่าวมากขึ้นด้วย ขณะที่การได้รับอนุมัติฟูลไลเซนส์ จะช่วยเราเพิ่มบริการสินค้าอื่นๆ ใหแก่ลูกค้าของเราได้ครบวงจร ตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มมาร์เกตแชร์ที่เราตั้งเป้าไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้เรายังคงเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาด เพราะคุณพ่ออยากได้รางวัล Set Award จากตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกรอบ”
สำหรับปริมาณบัญชีเปิดใหม่ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ฯ กล่าวว่า ยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อขายทองคำออนไลน์ และโกลด์ ฟิวเจอร์ส แม้อย่างหลังจะถดถอยลงไปบ้าง จากภาวะราคาทองคำที่ผันผวน และลูกค้ารับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งในเรื่องนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์แนะนำลุกค้าที่สนใจลงทุนทองคำว่า ถ้ารับความเสี่ยงไม่ไหว หรือยังไม่เชี่ยวชาญ ก็จะแนะนำให้ลงทุนผ่านการลงทุนทองคำ ออนไลน์ก่อน
ขณะเดียวกันยอมรับว่า มีแนวคิดจะนำเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก ฟิวเจอร์สเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน แต่ยังอาจจะเป็นในช่วงปีหน้า หรืออีก 2 ปีจากนี้ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษา และวางแผน
อนึ่ง การซื้อขาย โกลด์ ฟิวเจอร์ส ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณการซื้อขายลดลงเหลือ 15,000 สัญญาต่อวัน หรือลดลง 50-60% และมีมูลค่าการซื้อขายลดลง 70% โดยพบว่านักลงทุนหันไปลงทุนในทองคำ 10 บาทมากขึ้น จากเดิมที่จะลงทุนในสัญญา 50 บาท ประกอบกับนักลงทุนยังไม่เข้าใจการลงทุนใน Gold Futures มากนัก
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ในปี 2555 บริษัทตั้งเป้ามียอดขายทองคำแท่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 400,000 ล้านบาทอีก 40-50% หรือประมาณ 500,000–600,000 ล้านบาท โดยคาดว่าส่วนหนึ่งจะมาจากพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจส่งออดเดร์มาให้ประมาณ 10%
ส่วนเป้ามาร์เกตแชร์ โกลด์ฟิวเจอร์ส ในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15-17% จากปีก่อน 14-16% ส่วนหนึ่งมาจากในช่วงมิ.ย.นี้ บริษัทจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) (TFEX) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แบบฟูลไลเซนส์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าของ TFEX ได้ครบทุกรูปแบบ นอกเหนือจาก โกลด์ ฟิวเจอร์ส และซิลเวอร์ ฟิวเจอร์สในปัจจุบัน
“ภาพรวมปีนี้ โกลด์ ฟิวเจอร์สมีความผันผวน อีกทั้งตลาดหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันไปให้ความสำคัญต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ แต่ทองคำแท่งยอดความต้องการไม่ได้ลดลงไปเลย มีแต่เพิ่มขึ้น ทำให้ในปีนี้เราหันมาเน้นเรื่องดังกล่าวมากขึ้นด้วย ขณะที่การได้รับอนุมัติฟูลไลเซนส์ จะช่วยเราเพิ่มบริการสินค้าอื่นๆ ใหแก่ลูกค้าของเราได้ครบวงจร ตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มมาร์เกตแชร์ที่เราตั้งเป้าไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้เรายังคงเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาด เพราะคุณพ่ออยากได้รางวัล Set Award จากตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกรอบ”
สำหรับปริมาณบัญชีเปิดใหม่ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม เอ็มทีเอส โกลด์ฯ กล่าวว่า ยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อขายทองคำออนไลน์ และโกลด์ ฟิวเจอร์ส แม้อย่างหลังจะถดถอยลงไปบ้าง จากภาวะราคาทองคำที่ผันผวน และลูกค้ารับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งในเรื่องนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์แนะนำลุกค้าที่สนใจลงทุนทองคำว่า ถ้ารับความเสี่ยงไม่ไหว หรือยังไม่เชี่ยวชาญ ก็จะแนะนำให้ลงทุนผ่านการลงทุนทองคำ ออนไลน์ก่อน
ขณะเดียวกันยอมรับว่า มีแนวคิดจะนำเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก ฟิวเจอร์สเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน แต่ยังอาจจะเป็นในช่วงปีหน้า หรืออีก 2 ปีจากนี้ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษา และวางแผน
อนึ่ง การซื้อขาย โกลด์ ฟิวเจอร์ส ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณการซื้อขายลดลงเหลือ 15,000 สัญญาต่อวัน หรือลดลง 50-60% และมีมูลค่าการซื้อขายลดลง 70% โดยพบว่านักลงทุนหันไปลงทุนในทองคำ 10 บาทมากขึ้น จากเดิมที่จะลงทุนในสัญญา 50 บาท ประกอบกับนักลงทุนยังไม่เข้าใจการลงทุนใน Gold Futures มากนัก
