ASTV ผู้จัดการ - ออสสิริสลั่นกลองรบสู้ศึกตลาดทองปีมังกรทอง งัดกลยุทธ์เด็ดพลิกโฉมรูปลักษณ์ ปรับแบรนด์ใหม่ ตอกย้ำการเป็นผู้นำแห่งการลงทุนทองคำและเจ้านวัตกรรมสินค้า-บริการ มั่นใจตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการลงทุนทองคำ ลั่นพร้อมรองรับการเปิดเสรีของโบรกเกอร์และเสรีทางการเงิน
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด ผู้นำด้านการลงทุนทองคำชั้นนำของไทย เปิดเผยถึงที่มาของการเปลี่ยนแบรนด์โลโก้ของบริษัทใหม่ว่า ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาตราบจนปัจจุบันตลาดการลงทุนทองคำในประเทศไทยและกระแสของนักลงทุนที่ตื่นตัวหันมาเรียนรู้ด้านการลงทุนทองคำเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดการลงทุนทองคำดังกล่าว
“ออสสิริส จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ใหม่ให้แก่นักลงทุน ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน โดดเด่น และสร้างความสดใหม่ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ชอบความเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนและเป็นกันเอง ออสสิริส จึงปรับเปลี่ยนแบรนด์โลโก้ใหม่ ภายใต้แนวคิด “AUSIRIS…The Real meaning of Gold Investments Leadership” สู่ความหมายใหม่ แห่งผู้นำการลงทุนทองคำของออสสิริส ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการสร้างความมั่งคั่งแก่นักลงทุน ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ เพื่อให้พร้อมและสอดคล้องกับภาวะตลาดการลงทุนในอนาคต รวมถึงการปรับตัว และเตรียมธุรกิจให้พร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีของโบรกเกอร์และเสรีทางการเงิน” นายบุญเลิศระบุ
ทั้งนี้ สำหรับภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์โลโก้ ออสสิริสนำตัว A ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หลักของ Ausiris และตัว A เป็นตัวอักษรตัวแรกในภาษาอังกฤษ มีนัยยะของความเป็นผู้นำ เส้นตั้งซ้อนหมายเลข 1 ไว้ แสดงถึงความเป็นผู้นำเช่นเดียวกัน เส้นตรงหนาตั้งฉากกับฐานแสดงถึงความมั่นคง เส้นตวัดมาจากการเคลื่อนที่พุ่งทะยานด้วยความเร็วอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อให้แบรนด์โลโก้มีความกระฉับกระเฉง คล่องตัวและมีพลัง มุมของโลโก้เรียวแหลมมีความเฉียบคม สะท้อนถึงความฉลาดหลักแหลม และสร้างภาพลักษณ์ให้เด่นสะดุดตา สู่ความเป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบ
“นอกจากการเป็นผู้ริเริ่มการให้บริการซื้อขายทองคำแท่ง โดยมีที่ปรึกษาการลงทุนทองคำที่ผสานกับมุมมองการบริหารจัดการสมัยใหม่ให้กับนักลงทุน ทำให้เกิดมิติใหม่ของการลงทุนทองคำแห่งแรกในประเทศไทย หรือการริเริ่มโปรแกรมออมทองเป็นรายแรก ออสสิริส กรุ๊ป โฉมใหม่จะยังคงแนวคิดในการเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของนักลงทุนได้ในทุกมิติ อาทิ การพัฒนาอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง โดยออสสิริสจะยังคงนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยยึดกรอบ RRI ที่ประกอบไปด้วย Responsibility คือผู้นำที่มีความรับผิดชอบ ที่จะปรับทุกสิ่งให้ดีขึ้น, Real Time คือความรวดเร็ว ฉับไว และสนับสนุนให้ทันสถานการณ์การลงทุน และ Innovation ที่จะเป็นการพัฒนาตนเองให้อัพเดทตลอดเวลา”
นายบุญเลิศกล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมธุรกิจของออสสิริสว่า จากภาพรวมของตลาดการลงทุนทองคำในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มการแกว่งตัวของราคาทองคำที่ยังคงมีต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้ในปีนี้ ออสสิริส กรุ๊ป ตั้งเป้าการเติบโตของการลงทุนซื้อขายทองคำแท่งไว้ 100 % จากยอดขายทองคำแท่งของบริษัทที่มีมูลค่า 100, 000 ล้านบาท ในปี 2554 หรือเติบโตขึ้น 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดนักลงทุนที่มีความสนใจทองมากขึ้น และประกอบกับลูกค้าเก่าที่เทรดเพิ่มขึ้นและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด
ส่วนออสสิริส ฟิวเจอร์ส ในปี 2555 ตั้งเป้าหมายการซื้อขายสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 20% และ Gold ETF เพิ่ม 25% และจะมีแผนการยกระดับใบอนุญาต เป็น Full Derivative จาก กลต.(สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) โดยใบอนุญาตนี้จะครอบคลุมไปถึงการค้าในตลาดอนุพันธ์ (TFEX)ที่มีทั้งหมด รวมไปถึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน SA (Selling Agent) ให้ครบ 10 รายภายในสิ้นปี 2555 จากเดิมที่มี 5 สาขา ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ สัตหีบ และลพบุรี โดยจะเน้นขยายผู้ร่วมทำธุรกิจที่สนใจมีตัวแทนรับส่งคำสั่งซื้อขาย SA (Selling Agent) กระจายไปยังภูมิภาคที่เป็นหัวเมืองใหญ่
ด้านนายธนสิน กลีบลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า สำหรับภาวะตลาดทองคำในปี 2555 มีหลายประเด็นที่น่าจับตามอง และส่งผลให้ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนปรับเปลี่ยนทิศทาง ทั้งในเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน เรื่องปัญหาสินเชื่อในประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรปที่ยังยืดเยื้อ สร้างความผันผวนให้ กับราคาทองคำในปี 2555 นี้ได้ทั้งสิ้น ขณะที่ทิศทางที่ชัดเจนของราคาทองคำยังต้องมีการพิจารณาปัจจัยจากภาวะตลาด ดอกเบี้ยประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งถ้าคลี่คลายได้เร็วก็จะเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองที่อาจสามารถผลักดันราคาทองคำให้กลับขึ้น ไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐ