xs
xsm
sm
md
lg

แรงขายกดทองเม็ดเงินย้ายออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ราคาทองคำร่วง 200 บาท หลังนักลงทุนไม่เห็นสัญญาณQE3 พากันเทขายทำกำไร โบรกเกอร์มองเป็นการโยกย้ายเงินลงทุนกลับ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว ประเมินรอบจบราคาทองคำพุ่งอยู่ที่การประกาศขึ้นดอกเบี้ยของเฟด คาดช่วง 1เดือนราคาอยู่ในกรอบ2.2 -2.5 หมื่นบาท ล่าสุดด้าน “ออสสิริส” งัดกลยุทธ์ปรับแบรนด์ใหม่ ตอกย้ำการเป็นผู้นำการลงทุน มั่นใจตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ และรับการเปิดเสรีทางการเงิน ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายทองแท่งปีนี้โต 100%

ราคาทองคำวานนี้(22มี.ค.) ยังปรับตัวลดลงจากต่อเนื่อง โดยราคาทองคำแท่งจากสมาคมผู้ค้าทองคำ รายงานไว้ที่ รับซื้อ 23,850 บาท และขาย 23,950 บาท ลดลง 200 บาท จากวันก่อน(21มี.ค.) ซื่อราคารับซื้อยู่ที่ 24,050 บาทและขาย 24,150 บาท
นายธนสิน กลีบลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า สำหรับภาวะตลาดทองคำในปี 2555 มีหลายประเด็นที่น่าจับตามอง และส่งผลให้ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนปรับเปลี่ยนทิศทาง ทั้งในเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน เรื่องปัญหาสินเชื่อในประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรปที่ยังยืดเยื้อ สร้างความผันผวนให้ กับราคาทองคำในปีนี้ได้ทั้งสิ้น ขณะที่ทิศทางที่ชัดเจนของราคาทองคำยังต้องมีการพิจารณาปัจจัยจากภาวะตลาด ดอกเบี้ยประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งถ้าคลี่คลายได้เร็วก็จะเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองที่อาจสามารถผลักดันราคาทองคำให้กลับขึ้น ไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงช่วงนี้ เป็นแค่การโยกย้ายเงินลงทุนของนักลงทุน หลังจากที่ผ่านมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จึงมีการโยกเงินเข้ามาลงทุนในทองคำและผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้น ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้มาการQE1 และQE2 เกิดขึ้น จนทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เม็ดเงินจำนวนมากก็เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น รวมถึงทองคำจนทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ เมื่อสหรัฐฯเริ่มประกาศตังเลขเศรษฐกิจออกมาดีขึ้น และธนาคารกลาง(เฟด) เริ่มส่งสัญญาณจะไม่มีการประกาศใช้มาตรการQE3 เกิดขึ้นก็ทำให้นักลงทุนที่เคยคาดหวังต่อมาตรการดังกล่าวเทขายทองคำออกมาทำกำไร และโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนกลับไปตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่คาดกันว่าจะปรับตัวดีขึ้น
“ปัญหาที่สหรัฐฯถือเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ราคาทองคำในรอบ 2-3ปีที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นมาก ยิ่งบวกกับวิกฤตหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปก็ยิ่งดันให้ราคาขึ้นไปสูง ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวข่าวจะมีมาตรการQE3 มาตลอด พอมีสัญญาณว่าไม่มีมาตรการนี้ ก็มีการเทขายทองคำออกมา ทำให้ราคาทองคำปรับตัวดลง”
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการปรับตัวลดลงของราคาทองคำจะไม่ต่อเนื่องหรือเป็นระยะยาวมากนัก เนื่องจากข้อมูลที่สหรัฐฯประกาศออกมา ยังเชื่อมั่นไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากช่วงปลายปีนี้สหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งดังนั้นตัวเลขที่ออกมา อาจมีความเป็นได้ถึงการสร้างความมั่นใจเพียงระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องจับตาดูสถานการณ์หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงด้วย ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ ขณะเดียวกันจากวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป ยังเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ โดยมองว่าวัฎจักรการปรับตัวของราคาทองคำจะจบลงได้จริงก็ต่อเมื่อเฟดมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสได้เห็นราคาทองคำกลับไปอยู่ที่ประมาณ 1,100 เหรียญ/ออนซ์
โดยช่วง 1 เดือนจากนี้ประเมินว่าราคาทองคำจะอยู่ระหว่าง 1,520 เหรียญ – 1,710 เหรียญ จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1,640 เหรียญ ซึ่งหมายถึงราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 22,500 และปรับตัวขึ้นไปได้ที่ระดับ25,500 บาท


**“ออสสิริส” ปรับแบรนด์ใหม่ขึ้นผู้นำ

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท่ได้เปลี่ยนแบรนด์โลโก้ของบริษัทใหม่ ให้สอดคล้องกับกระแสตื่นตัวด้านการลงทุนทองคำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ใหม่ให้แก่นักลงทุน ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน โดดเด่น และสร้างความสดใหม่ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ชอบความเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนภายใต้แนวคิด “AUSIRIS…The Real meaning of Gold Investments Leadership” สู่ความหมายใหม่ แห่งผู้นำการลงทุนทองคำ ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการสร้างความมั่งคั่งแก่นักลงทุน ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ เพื่อให้พร้อมและสอดคล้องกับภาวะตลาดการลงทุนในอนาคต รวมถึงการปรับตัว และเตรียมธุรกิจให้พร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีของโบรกเกอร์และเสรีทางการเงิน
ทั้งนี้ ออสสิริส กรุ๊ป โฉมใหม่จะยังคงแนวคิดในการเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของนักลงทุนได้ในทุกมิติ อาทิ การพัฒนาอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมการลงทุนให้แก่ลูกค้า
สำหรับภาพรวมธุรกิจ ในปีนี้ ออสสิริส กรุ๊ป ตั้งเป้าการเติบโตของการลงทุนซื้อขายทองคำแท่งไว้ 100 % จากยอดขายทองคำแท่งของบริษัทที่มีมูลค่า 100, 000 ล้านบาท ในปี 2554 หรือเติบโตขึ้น 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดนักลงทุนที่มีความสนใจทองมากขึ้น และประกอบกับลูกค้าเก่าที่เทรดเพิ่มขึ้นและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด
ส่วนออสสิริส ฟิวเจอร์ส ในปี 2555 ตั้งเป้าหมายการซื้อขายสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 20% และ Gold ETF เพิ่ม 25% และจะมีแผนการยกระดับใบอนุญาต เป็น Full Derivative ที่จะครอบคลุมไปถึงการค้าในตลาดอนุพันธ์ (TFEX)ที่มีทั้งหมด รวมไปถึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน SA (Selling Agent) ให้ครบ 10 รายภายในสิ้นปี 2555 จากเดิมที่มี 5 สาขา ได้วยการกระจายไปยังภูมิภาคที่เป็นหัวเมืองใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น