xs
xsm
sm
md
lg

TPC ฟุ้งไตรมาส 1 กำไรโตกว่าปีก่อน เผยมาร์จินและราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ฟุ้งไตรมาส 1 /55 รายได้และกำไรโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุมาร์จินและราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีสูง แต่ทั้งปีวางเป้าหมายรายได้โตแค่7-8%จากปัจจัยเสี่ยงน้ำท่วมและปัญหาอียู เผยเตรียมซื้อหุ้นโรงงานผลิตท่อพลาสติกที่อินโดนีเซีย หลังจากซื้อโรงงานท่อฯที่เวียดนามแล้ว 2แห่ง

นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)(TPC) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้โต 7-8% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 31,217 ล้านบาท และกำไรสุทธิขยายตัว 4-5%จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 1,880 ล้านบาท แม้ว่าราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีในขณะนี้จะปรับตัวสูงขึ้นจากปลายปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 920 เหรียญสหรัฐ/ตันเพิ่มเป็น 1,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน และวัตถุดิบคือ อีดีซี อยู่ที่ 300 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ส่วนต่างราคาเม็ดพีวีซีกับวัตถุดิบ (สเปรด)จะสูงขึ้นจาก 400-500 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มเป็น 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ปีนี้ยังปัจจัยเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมในไทย และปัญหาหนี้สินในสหภาพยุโรป ที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีและมาร์จินที่สูงขึ้นนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทฯในช่วงไตรมาส 1/2555 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มีรายได้รวม 7,935 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท แม้ว่าลูกค้าบางรายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 จะเพิ่งกลับมาเดินเครื่องจักรใหม่อีกครั้งในช่วงต้นเดือนมี.ค.ก็ตาม

"ในช่วงน้ำท่วมนั้น โรงงานผลิตเม็ดพีวีซีของบริษัทฯไม่ท่วมแต่โรงงานของบริษัทร่วมทุนที่บางกระดี่ และลูกค้าหลายรายต่างประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้รายได้บริษัทในไตรมาส 4/2554 ลดลง 8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้ทั้งปีบริษัทฯพลาดเป้าหมายจากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 8-10% แต่เติบโตเพียง 6 %เท่านั้น "นายคเณศกล่าว

นายคเณศ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ บริษัทย่อย ได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทผลิตท่อพลาสติกพีวีซีในเวียดนามตอนเหนือกว่า 30% ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายท่อพลาสติกรายใหญ่ในทางตอนเหนือของเวียดนาม หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม (สระบุรี) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้ซื้อหุ้นบริษัท Binh Minh Plastics Joint Stock Company (BMP) ประเทศเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 16.73% โดยบริษัท BMP เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายท่อพลาสติกรายใหญ่ทางตอนใต้ของเวียดนาม การตัดสินใจเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทผลิตและจำหน่ายท่อพลาสติกที่เวียดนามนี้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯที่ต้องการลงทุนแบบครบวงจร เพื่อลดความผันผวนด้านราคา และตลาดท่อพลาสติกในเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูง 10%ต่อปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกพีวีซีอยู่ที่เวียดนามขนาดกำลังผลิต 2 แสนตัน/ปี

"เดิมบริษัทฯมีแผนจะสร้างโรงงานผลิตท่อพลาสติกแต่มีปัญหาการขอใบอนุญาตตั้งโรงงาน จึงตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัทผลิตท่อในเวียดนามแทนทำให้บริษัทฯรับรู้รายได้เร็วขึ้น แต่ข้อกฎหมายเวียดนามกำหนดให้บริษัทฯถือหุ้นได้ไม่เกิน 45%ของทุนจดทะเบียน ซึ่งก็ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทท่อพลาสติกในอนาคตได้"

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหุ้นบริษัทผลิตท่อพลาสติกในอินโดนีเซียด้วยซึ่งได้มีการเจรจาอยู่หลายราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี2556 โดยบริษัทฯต้องการถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าวแต่ทั้งนี้อยู่ที่การเจรจา

นายคเณศ กล่าวต่อไปว่า เดิมบริษัทฯคาดการณ์ว่าหลังน้ำท่วมความต้องการใช้ท่อพีวีซีในการซ่อมแซมจะสูงขึ้น แต่พบว่าภาคก่อสร้างความต้องการใช้ท่อพีวีซีไม่โตเท่าที่ควร เนื่องจากกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอีก จึงไม่มีการซ่อมแซม ขณะที่การใช้พีวีซีในการภาคยานยนต์ยังดีอยู่ ส่งผลให้ปีนี้ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกพีวีซีในประเทศไทยเติบโตแค่ 3-4%เท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าโครงการส่วนต่อขยายวีซีเอ็มในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น บริษัทฯได้ยื่นรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน (EHIA) ผ่านรอบแรกไปแล้วต้องรอการพิจารณาจากหน่วยงานรัฐอีกครั้ง หลังจากนั้นจะส่งเรื่องไปยังองค์กรอิสระเป็นผู้พิจารณาโครงการ โดยยอมรับว่าหนักใจ เนื่องจากที่ผ่านมา โครงการต่างๆในมาบตาพุดที่ต้องทำรายงานEHIA นั้น ทางองค์กรอิสระไม่ผ่านความเห็นชอบโครงการเหล่านี้เลย ทำให้การลงทุนเหล่านี้ต้องหยุดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น