"วายแอลจี"ระบุสภาวะตลาดวันที่ 31 มกราคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,728.39 - 1,744.69 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG12 อยู่ที่ 25,680 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 25,620 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG12 อยู่ที่ 1,055 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,044 บาท
แนวโน้มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติรับรองเกี่ยวกับสนธิสัญญาการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรวงเงิน 5 แสนล้านยูโรที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฏาคม เร็วกว่ากำหนดการเดิมถึง 1 ปี โดยการจัดตั้งESMจะช่วยป้องกันการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน และจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดการเงินด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสนับสนุนมาตรการคุมเข้มวินัยด้านงบประมาณ โดยบทบัญญัติดังกล่าวระบุให้มีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรแบบกึ่งอัตโนมัติต่อประเทศที่ละเมิดเพดานยอดขาดดุลงบประมาณของอียู ซึ่งประเด็นดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินยูโรและทองคำ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องกรีซเมื่อการเจรจาการปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งความกังวลยังสืบเนื่องมาจากกระแสข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน, อิตาลี, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส ลงซึ่งส่งผลให้เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นก็จะมีแรงขายออกมาส่งผลให้ราคาอ่อนตัวตามลงมา
เบื้องต้น"วายแอลจี"ประเมินว่า หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะเกิดแรงซื้อดันราคาขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,722-1,715 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากไม่สามารถยืนราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะไหลลงสู่ 1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยนักลงทุนจำเป็นต้องตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำยังมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up ซึ่งราคาทองคำยังมีการแกว่งตัว ซึ่งหากราคาทองคำลงมาทดสอบบริเวณแนวรับ 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง และยังยืนเหนือได้จะ ดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,754 หรือ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากขึ้นไปทดสอบแนวต้านแล้วไม่สามารถผ่านไปได้ก็จะเห็นการย่อตัวของราคาลง โดยประเมินแนวรับที่ 1,722 แต่หากยืนไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,715 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การตั้งจุดตัดขาดทุนหรือจุดทำกำไรต้องชัดเจน หากราคาหลุดแนวรับนักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงมากนักให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการตั้งฐานก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง
*ทองคำแท่ง (96.50%)แนวรับ 1,722 (25,200บาท) 1,715 (25,100บาท) 1,695 (24,810บาท) แนวต้าน 1,754 (25,670บาท) 1,763 (25,800บาท) 1,775 (25,980บาท) GOLD FUTURES (GFG12)**แนวรับ 1,722 (25,370บาท) 1,715 (25,270บาท) 1,695 (24,970บาท) แนวต้าน 1,754 (25,840บาท) 1,763 (25,970บาท) 1,775 (26,150บาท) * SILVER FUTURES (SVG12) แนวรับ 33.00 (1,027บาท) 32.50 (1,012บาท) 31.83 (991บาท)แนวต้าน 34.46 (1,072บาท) 34.92 (1,087บาท) 35.65 (1,109บาท)
ด้าน"คลาสสิก โกลด์" เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวบริเวณ 1,731 - 1,735 USDต่อออนซ์ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิมเหมือนเมื่อวาน โดยในช่วงบ่ายราคาลงไปทำ low ระหว่างวันบริเวณ 1,715.70 เมื่อมีข่าวว่าการเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนยังไม่บรรลุข้อตกลงได้ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ทำให้มีความกังวลว่าการเจรจาอาจมีความล่าช้าเป็นผลให้กรีซต้องผิดนัดชำระหนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1.30 USDต่อยูโร มีผลทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันปรับลดลง แต่ในช่วงเช้าวันนี้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานมาอยู่ที่ระดับ 1.316 USDต่อยูโร และราคาทองคำปรับขึ้น เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป โดยประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ยอมรับให้มีการใช้มาตรการรัดเข็มขัดตามข้อเสนอของเยอรมัน ซึ่งได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป
โดยดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียเปิดบวกในช่วงเช้าวันนี้ และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับบวกขึ้น และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเป็นบวก รับข่าวผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป และข่าวการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซเมื่อนายกรัฐมนตรีของกรีซออกมากล่าวว่า จะเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้สำเร็จภายในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน ตามข่าวการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ ซึ่งมีข่าวดี และข่าวร้ายสลับกัน นอกจากนี้ราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับค่าเงิน USD และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศออกมาค่อนข้างมาก กรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่ามีแนวรับ 1,710 / 1,700 และแนวต้านบริเวณ 1,750/1,760 ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวในระหว่างวันคาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,720/1,710 และมีแนวต้านบริเวณ 1,740/1,745 แนะนำ นักลงทุน Trading ในกรอบ 1,710 - 1,745 นักลงทุนเปิดสถานะ Long บริเวณ 1,715 ปิดทำกำไรเมื่อถึงแนวต้านบริเวณ 1,745 แล้วรอราคาย่อตัวเข้าเปิด Long ใหม่บริเวณแนวรับ 1,720/1,710
ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำและต้องติดตามในขณะนี้ ได้แก่ การเจรจาระหว่างเจ้าหนี้ภาคเอกชนและรัฐบาลกรีซ การเข้าซื้อทองคำของ SPDR โดยเมื่อวันศุกร์ SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นจำนวน 9.98 ตัน การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ค่าเงิน USD และค่าเงินยูโร สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคาร ต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 4/2011 ราคาบ้านเดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค. วันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนม.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขประมาณการขั้นต้นสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2011 วันศุกร์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค
ด้านราคาโลหะเงินปิดที่ 33.53 USDต่อออนซ์ ปิดลดลง 0.26 USDต่อออนซ์โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.04 - 34.02 ishares silver trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 98.25 ตันรวมถือจำนวน 9,608.95 ตัน ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 32.7/31.6 แนวต้านบริเวณ 34.3/35.3 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 31.6 - 35.3 SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,271.09 ตัน
แนวโน้มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติรับรองเกี่ยวกับสนธิสัญญาการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรวงเงิน 5 แสนล้านยูโรที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฏาคม เร็วกว่ากำหนดการเดิมถึง 1 ปี โดยการจัดตั้งESMจะช่วยป้องกันการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน และจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดการเงินด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสนับสนุนมาตรการคุมเข้มวินัยด้านงบประมาณ โดยบทบัญญัติดังกล่าวระบุให้มีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรแบบกึ่งอัตโนมัติต่อประเทศที่ละเมิดเพดานยอดขาดดุลงบประมาณของอียู ซึ่งประเด็นดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินยูโรและทองคำ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องกรีซเมื่อการเจรจาการปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งความกังวลยังสืบเนื่องมาจากกระแสข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน, อิตาลี, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส ลงซึ่งส่งผลให้เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นก็จะมีแรงขายออกมาส่งผลให้ราคาอ่อนตัวตามลงมา
เบื้องต้น"วายแอลจี"ประเมินว่า หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะเกิดแรงซื้อดันราคาขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,722-1,715 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากไม่สามารถยืนราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะไหลลงสู่ 1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยนักลงทุนจำเป็นต้องตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำยังมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up ซึ่งราคาทองคำยังมีการแกว่งตัว ซึ่งหากราคาทองคำลงมาทดสอบบริเวณแนวรับ 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง และยังยืนเหนือได้จะ ดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,754 หรือ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากขึ้นไปทดสอบแนวต้านแล้วไม่สามารถผ่านไปได้ก็จะเห็นการย่อตัวของราคาลง โดยประเมินแนวรับที่ 1,722 แต่หากยืนไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,715 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การตั้งจุดตัดขาดทุนหรือจุดทำกำไรต้องชัดเจน หากราคาหลุดแนวรับนักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงมากนักให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการตั้งฐานก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง
*ทองคำแท่ง (96.50%)แนวรับ 1,722 (25,200บาท) 1,715 (25,100บาท) 1,695 (24,810บาท) แนวต้าน 1,754 (25,670บาท) 1,763 (25,800บาท) 1,775 (25,980บาท) GOLD FUTURES (GFG12)**แนวรับ 1,722 (25,370บาท) 1,715 (25,270บาท) 1,695 (24,970บาท) แนวต้าน 1,754 (25,840บาท) 1,763 (25,970บาท) 1,775 (26,150บาท) * SILVER FUTURES (SVG12) แนวรับ 33.00 (1,027บาท) 32.50 (1,012บาท) 31.83 (991บาท)แนวต้าน 34.46 (1,072บาท) 34.92 (1,087บาท) 35.65 (1,109บาท)
ด้าน"คลาสสิก โกลด์" เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวบริเวณ 1,731 - 1,735 USDต่อออนซ์ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิมเหมือนเมื่อวาน โดยในช่วงบ่ายราคาลงไปทำ low ระหว่างวันบริเวณ 1,715.70 เมื่อมีข่าวว่าการเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ภาคเอกชนยังไม่บรรลุข้อตกลงได้ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ทำให้มีความกังวลว่าการเจรจาอาจมีความล่าช้าเป็นผลให้กรีซต้องผิดนัดชำระหนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1.30 USDต่อยูโร มีผลทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันปรับลดลง แต่ในช่วงเช้าวันนี้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานมาอยู่ที่ระดับ 1.316 USDต่อยูโร และราคาทองคำปรับขึ้น เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป โดยประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ยอมรับให้มีการใช้มาตรการรัดเข็มขัดตามข้อเสนอของเยอรมัน ซึ่งได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป
โดยดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียเปิดบวกในช่วงเช้าวันนี้ และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับบวกขึ้น และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเป็นบวก รับข่าวผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป และข่าวการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซเมื่อนายกรัฐมนตรีของกรีซออกมากล่าวว่า จะเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้สำเร็จภายในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน ตามข่าวการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ ซึ่งมีข่าวดี และข่าวร้ายสลับกัน นอกจากนี้ราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับค่าเงิน USD และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศออกมาค่อนข้างมาก กรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่ามีแนวรับ 1,710 / 1,700 และแนวต้านบริเวณ 1,750/1,760 ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวในระหว่างวันคาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,720/1,710 และมีแนวต้านบริเวณ 1,740/1,745 แนะนำ นักลงทุน Trading ในกรอบ 1,710 - 1,745 นักลงทุนเปิดสถานะ Long บริเวณ 1,715 ปิดทำกำไรเมื่อถึงแนวต้านบริเวณ 1,745 แล้วรอราคาย่อตัวเข้าเปิด Long ใหม่บริเวณแนวรับ 1,720/1,710
ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำและต้องติดตามในขณะนี้ ได้แก่ การเจรจาระหว่างเจ้าหนี้ภาคเอกชนและรัฐบาลกรีซ การเข้าซื้อทองคำของ SPDR โดยเมื่อวันศุกร์ SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นจำนวน 9.98 ตัน การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ค่าเงิน USD และค่าเงินยูโร สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคาร ต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 4/2011 ราคาบ้านเดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค. วันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนม.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขประมาณการขั้นต้นสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2011 วันศุกร์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค
ด้านราคาโลหะเงินปิดที่ 33.53 USDต่อออนซ์ ปิดลดลง 0.26 USDต่อออนซ์โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.04 - 34.02 ishares silver trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 98.25 ตันรวมถือจำนวน 9,608.95 ตัน ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 32.7/31.6 แนวต้านบริเวณ 34.3/35.3 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 31.6 - 35.3 SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,271.09 ตัน