ฝ่ายวิจัยบล. เอเชียพลัส ประเมิน ตลาดหุ้นเอชียเตรียมตัวปรับฐานหลังมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาตลอด โดยยังไม่มีการดึงเงินกลับ พร้อมมองระยะสั้นราคาทองคำอ่อนตัวลงแนะเก็บสะสม
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส เปิดเยผว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถพลิกขึ้นมาปิดในแดนบวกได้ แต่หากดูภาพรวมทั้งสัปดาห์ดัชนีจะปิดตลาดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ซึ่งนักลงทุนหลายคนมองว่าตลาดกำลังมีการปรับฐานระยะสั้นประมาณ 3-5% หลังจากปรับตัวขึ้นมาตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ยังคงแนะนำซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลง ทั้งนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่้มส่งสัญญาณชะลอตัว หลังรายงานยอดขายบ้านใหม่หดตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยลดลง 1.6%MOM แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนยอดขายยังเติบโตได้ถึง 11.4%yoy ทั้งนี้ยอดขายบ้านมือสองที่รายงานยในวันพุธที่ผ่านมาก็ชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามบริษัทผู้ขายบ้านรายงานว่าการขายบ้านทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก และเชื่อว่าตลอดอสังหาริมทรัพย์จะสามารถฟื้นตัวต่อไปได้อย่างช้าๆ โดยรายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดว่าอัตราการว่างงานปรับตัวลดลงในเขตเมืองใหญ่ของสหรัฐฯในขณะที่เมืองขนาดเล็กมีการฟื้นตัวในอัตราที่ช้ากว่า
สำหรับตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังอ่อนตัวลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่โดยรวมเศรษฐกิจของยุโรปยังคงอ่อนแออยู่ เห็นได้ชัดเจนจากดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการที่ชะลอตัวลงอักทั้งนักลงทุนกลับมากังวลต่อปัญหาของสเปนมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นอาจมีการปรับฐานได้หลังจากในปีนี้มีการดีดตัวขึ้นแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางและภาคการเมืองหลายคนทั้งในสหรัฐฯและยุโรปออกมาเปิดเผยว่าวิกฤตยุโรปได้ผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์บางคนยังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของประเทศสเปน ซึ่งยังเผชิญกับอัตราการว่างงานในระดับสูง และตลาดอสังหาฯที่ทรุดตัวอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสเปนจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยตนเองได้หรือไม่ สังเกตได้จากยิลด์ของพันธบัตรสเปนยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ในขณะที่อิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่หลายฝ่ายตาดูเช่นกันว่ามียิลด์ที่ทรงตัว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีของอิตาลีแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของสเปนอาจทำให้ความเชื่อมั่นของอิตาลีได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังรัฐฐาลสเปนเปิดเผยว่าจะไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามเป้าหมายในปีนี้
ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียยังคงอ่อนตัวทำให้ตลาดเอเชียมีแนวโน้มเข้าสู่การปรับฐานที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติเพราะในปีนี้หลายตลาดได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงเม็ดเงินต่างชาติยังไม่มีการถูกดึงออกทำให้การปรับตัวลงลึกไม่น่าเกิดตราบใดที่แนวโน้ม Fund Flow ไม่เปลี่ยนเเปลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจสำหรับไตรมาสที่สองของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 77 จุดเป็น 99 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2554
ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียมีการแกว่งตัวแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดัชนียังคงประคองตัวอยู่ที่แนวรับ 17,790 จุดได้ซึ่งหารับไว้ไม่อยู่ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงต่อไปแนะนำลงทุนด้วยความระมัดระวัง ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นการฟื้นตัวของ SET ในวันศุกร์ที่ผานมาแสดงว่าตลาดยังมีแรงซื้ออยู่มาก ส่งผลให้ดัชนีอาจกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,200 จุดอีกครั้ง แต่ต้องระมัดระวังหากตลาดหุ้นเอเชียยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ตลาดหุ้นไทยอาจอ่อนตัวลงได้เช่นกัน
สำหรับตลาดทองคำรีบาวน์ตามตลาดหุ้นโดยปรับตัวขึ้นถึง $106 - 110 มาปิดที่ $106 - 110 แต่ในระยะสั้นสัญญาณยังไม่ชัดเจน และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงได้อีก แนะนำซื้อสะสมที่ระดับราคานี้เพียงเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันมีการีบาวน์หลังมีรายงานว่ายอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านลดลงประมาณ 14% หลังถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น $1.52 มาปิดที่ $106.87 คาดราคาน้ำมันจะยังคงความผันผวนต่อไปจากประเด็นดังกล่าว โดยเก็งกำไรในกรอบ $106 - 110
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส เปิดเยผว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถพลิกขึ้นมาปิดในแดนบวกได้ แต่หากดูภาพรวมทั้งสัปดาห์ดัชนีจะปิดตลาดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ซึ่งนักลงทุนหลายคนมองว่าตลาดกำลังมีการปรับฐานระยะสั้นประมาณ 3-5% หลังจากปรับตัวขึ้นมาตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ยังคงแนะนำซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลง ทั้งนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่้มส่งสัญญาณชะลอตัว หลังรายงานยอดขายบ้านใหม่หดตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยลดลง 1.6%MOM แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนยอดขายยังเติบโตได้ถึง 11.4%yoy ทั้งนี้ยอดขายบ้านมือสองที่รายงานยในวันพุธที่ผ่านมาก็ชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามบริษัทผู้ขายบ้านรายงานว่าการขายบ้านทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก และเชื่อว่าตลอดอสังหาริมทรัพย์จะสามารถฟื้นตัวต่อไปได้อย่างช้าๆ โดยรายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดว่าอัตราการว่างงานปรับตัวลดลงในเขตเมืองใหญ่ของสหรัฐฯในขณะที่เมืองขนาดเล็กมีการฟื้นตัวในอัตราที่ช้ากว่า
สำหรับตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังอ่อนตัวลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่โดยรวมเศรษฐกิจของยุโรปยังคงอ่อนแออยู่ เห็นได้ชัดเจนจากดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการที่ชะลอตัวลงอักทั้งนักลงทุนกลับมากังวลต่อปัญหาของสเปนมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นอาจมีการปรับฐานได้หลังจากในปีนี้มีการดีดตัวขึ้นแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางและภาคการเมืองหลายคนทั้งในสหรัฐฯและยุโรปออกมาเปิดเผยว่าวิกฤตยุโรปได้ผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์บางคนยังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของประเทศสเปน ซึ่งยังเผชิญกับอัตราการว่างงานในระดับสูง และตลาดอสังหาฯที่ทรุดตัวอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสเปนจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยตนเองได้หรือไม่ สังเกตได้จากยิลด์ของพันธบัตรสเปนยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ในขณะที่อิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่หลายฝ่ายตาดูเช่นกันว่ามียิลด์ที่ทรงตัว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีของอิตาลีแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของสเปนอาจทำให้ความเชื่อมั่นของอิตาลีได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังรัฐฐาลสเปนเปิดเผยว่าจะไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามเป้าหมายในปีนี้
ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียยังคงอ่อนตัวทำให้ตลาดเอเชียมีแนวโน้มเข้าสู่การปรับฐานที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติเพราะในปีนี้หลายตลาดได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงเม็ดเงินต่างชาติยังไม่มีการถูกดึงออกทำให้การปรับตัวลงลึกไม่น่าเกิดตราบใดที่แนวโน้ม Fund Flow ไม่เปลี่ยนเเปลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจสำหรับไตรมาสที่สองของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 77 จุดเป็น 99 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2554
ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียมีการแกว่งตัวแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดัชนียังคงประคองตัวอยู่ที่แนวรับ 17,790 จุดได้ซึ่งหารับไว้ไม่อยู่ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงต่อไปแนะนำลงทุนด้วยความระมัดระวัง ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นการฟื้นตัวของ SET ในวันศุกร์ที่ผานมาแสดงว่าตลาดยังมีแรงซื้ออยู่มาก ส่งผลให้ดัชนีอาจกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,200 จุดอีกครั้ง แต่ต้องระมัดระวังหากตลาดหุ้นเอเชียยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ตลาดหุ้นไทยอาจอ่อนตัวลงได้เช่นกัน
สำหรับตลาดทองคำรีบาวน์ตามตลาดหุ้นโดยปรับตัวขึ้นถึง $106 - 110 มาปิดที่ $106 - 110 แต่ในระยะสั้นสัญญาณยังไม่ชัดเจน และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงได้อีก แนะนำซื้อสะสมที่ระดับราคานี้เพียงเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันมีการีบาวน์หลังมีรายงานว่ายอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านลดลงประมาณ 14% หลังถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น $1.52 มาปิดที่ $106.87 คาดราคาน้ำมันจะยังคงความผันผวนต่อไปจากประเด็นดังกล่าว โดยเก็งกำไรในกรอบ $106 - 110