xs
xsm
sm
md
lg

ค่าต๋งป่วนลดดอกเบี้ยแบงก์รัฐ-เอกชนเกี่ยง! หวั่นทำส่วนต่างต้นทุนไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ค่าต๋งกองทุนฟื้นฟูพ่นพิษ "แบงก์รัฐ-เอกชน" ยังเกี่ยงกันลดดอกเบี้ยตาม กนง. ผอ.ออมสินยอมรับเงินฝากไหลเข้าแต่จะลดดอกเบี้ยต้องดูท่าทีแบงก์เอกชน หวั่นกระทบผู้ฝากเงิน ขณะที่บิ๊กไทยพาณิชย์รอให้แบงก์รัฐลดก่อน เหตุกลัวค่าต๋งเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.4% ทำให้ส่วนต่างต้นทุนดอกเบี้ยถ่างจนเสียเปรียบเกิน

หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 3.25% เหลือ 3.0% นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยของ กนง.ยังคงเป็นขาลงต่อเนื่องอยู่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทั้งปีนี้น่าจะปรับลดลงได้อีก ในส่วนธนาคารออมสินกำลังพิจารณาลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากอยู่ แต่เนื่องจากออมสินเป็นธนาคารรัฐ ไม่มีนโยบายเป็นผู้นำการลดดอกเบี้ยโดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ จึงอาจรอดูธนาคารพาณิชย์เอกชนรายอื่นก่อนว่าจะปรับลดลงเท่าใด

"ยอมรับว่า มีเงินฝากไหลเข้ามาธนาคารจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากการให้ดอกเบี้ยสูงแล้ว กรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะลดวงเงินคุ้มครองลงเหลือ 1 ล้านบาทในเดือน ส.ค.นี้ ยิ่งทำให้มีเงินไหลเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งธนาคารปฏิเสธไม่ได้" นายเลอศักดิ์กล่าวและว่า ธนาคารเน้นการบริหารจัดการที่ดี โดยเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีข้อสังเกตให้ออมสินปรับปรุงกระบวนการทำงานต่างๆ ก็ได้ทำตามทั้งหมดแล้ว ไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการปล่อยสินเชื่อของธนาคารนั้น เป็นขั้นตอนการตรวจสอบการทำงานตามปกติของ ธปท. ซึ่งออมสินได้ปฏิบัติตามคำแนะนำมาโดยตลอด คาดว่าคณะกรรมการฯ กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่เอกสารของ ธปท. แต่ไม่ได้เรียกตนเองไปสอบแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีเรื่องที่จะไปเกี่ยวข้องกับปปง. เพราะไม่มีเรื่องทุจริตใดๆ

“ผมคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอด ของการทำหน้าที่จนเกือบครบวาระ 4 ปีแล้ว โดยได้คำนึงถึงองค์กรเป็นหลัก ในฐานะธนาคารก่อตั้งมาจนถึง 99 ปีแล้ว ข่าวที่เกิดขึ้นนั้น จึงไม่อยากให้กระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กร และไม่ต้องการให้ผู้ฝากเงินไม่มั่นใจด้วย” นายเลอศักดิ์กล่าว

***SCBรอแบงก์รัฐขยับก่อน
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างตัดสินใจปรับดอกเบี้ย โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มขึ้น จากก่อนหน้านี้การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารจะดูที่ประเด็นหลักๆ คืออัตราดอกเบี้ยของระบบ แต่ปัจจุบันต้องดูอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐประกอบด้วย เนื่องจากสัดส่วนเงินฝากของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30% จากเดิมที่ 10%

ที่สำคัญ หากธนาคารพาณิชย์ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯเพิ่มจาก 0.4% เป็น 1% ขณะที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐไม่ต้องเสียเงินสมทบดังกล่าว ก็จะทำให้การแข่งขันด้านดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ธนาคารต้องใช้เวลาในการพิจารณาและรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง

"ในช่วงปลายปีก่อนที่ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง แบงก์พาณิชย์ก็ยังไม่ได้ปรับตาม มาในครั้งนี้ก็เช่นกันธนาคารต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งกรณีการส่งเงินสมทบก็ยังไม่สรุปสุดท้าย ซึ่งในเรื่องนี้ธนาคารพาณิชย์เข้าใจว่าเป็นเรื่องปัญหาของประเทศชาติที่เราต้องช่วยเหลือกัน แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะขอในเรื่องของความเสมอภาคกันด้วย หากธนาคารพาณิชย์จ่าย ธนาคารเฉพาะกิจไม่ต้องจ่าย ก็จะเป็นการบิดเบือนตลาด แล้วในระยะยาวก็จะอ่อนแอได้"
กำลังโหลดความคิดเห็น