ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ด กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% รับมือเศรษฐกิจโลกที่ปัญหาอาจยืดเยื้อ รวมถึงความเสียหายจากน้ำท่วมในประเทศ การฟื้นฟูอาจล่าช้าไปอีก 1-2 เดือน โดยเฉพาะการผลิตจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 3 ลุ้นลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งติด กดดันแบงก์พาณิชย์ลดตาม เล็งลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 55 โตต่ำกว่า 4.8%
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด กนง.เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้ ได้มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ 3.00%ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าภาวะความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อมีไม่มาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกอาจจะยื้ดเยื้อต่อไป ซึ่งมีผลต่อปัจจัยลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยได้
“การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินติดต่อ 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายอยู่ช่วงขาลง แต่กลับเห็นว่าในปัจจุบันการใช้ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3%ต่อปี ถือว่าเป็นระดับนี้เหมาะสมการขยายตัวเศรษฐกิจ แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าแล้ว นอกจากว่าจะเกิดปัจจัยพิเศษใหม่ เข้ามากระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในอีก 8 สัปดาห์ข้างหน้า หรือประชุม กนง.อีกครั้งวันที่ 21 มี.ค.นี้ พร้อมทั้งการประมาณการเศรษฐกิจสำคัญไม่ต่างกับที่จะแถลงในวันที่ 3 ก.พ.นี้”
ทั้งนี้ การประชุมบอร์ด กนง.ครั้งนี้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมรุนแรงกว่าที่ธปท.คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปกติอาจจะล่าช้าออกไปอีก 1-2 เดือนที่ธปท.ประเมินไว้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงกว่าการประชุมกนง.ในครั้งก่อน นอกจากนี้มองว่าแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมีน้อยลงในอนาคต ซึ่งยังอยู่ระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายนโยบายการเงินที่กำหนดไว้ จึงเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 3%ต่อปี ถือเป็นระดับเหมาะสมที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ โดยไม่กระทบความเสี่ยงเงินเฟ้อ
“ความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยของจริงมากกว่าที่ธปท.ประเมินไว้ ซึ่งอาจมีผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยต่ำกว่า 1.8% ในปีก่อน โดยเมื่อสำรวจโรงงานผ่านผู้ประกอบการต่างๆ พบว่า ความเสียหายมากกว่าที่ธปท.คิดไว้ จากเดิมคาดว่าเครื่องจักรจะกู้หรือซ่อมแซมได้บ้างกลับเป็นต้องสั่งนำเข้าเครื่องจักรใหม่หมดมาทดแทนทำให้การผลิตกลับมาได้ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่เห็นว่าอาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการนำเข้าเครื่องจักรและการติดตั้งใหม่ จึงคาดว่าการผลิตจะเกิดได้ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้แทน”
ในการประชุมกนง.ครั้งนี้และการประมาณการเศรษฐกิจในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ได้นำปัจจัยการปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.3% จากเดิม 4% ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ไว้แล้ว และมองว่าการส่งผ่านนโยบายการเงินในครั้งนี้ไปยังธนาคารพาณิชย์ ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดและการตัดสินใจของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง แต่อย่างน้อยที่สุดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง 2 ครั้ง รวมเป็น 0.50%คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงบ้าง
ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ตึงตัว ซึ่งจากดูจากตัวเลขยังค่อนข้างเยอะอยู่ แต่บางช่วงอาจเกิดจากกลไกทำงานของตลาดไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะการแข่งขันของสถาบันการเงินรัฐกับธนาคารพาณิชย์ แต่เมื่อใดก็ตามหากมีปัญหาในสภาพคล่อง ธปท.ก็พร้อมจะเข้าไปดูแลจึงยืนยันว่าสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้มีปัญหา
ส่วนแนวทางการแก้ไขกลไกส่งผ่านทางการเงินภายใต้โครงสร้างระบบสถาบันการเงินของรัฐมีบทบาทมากขึ้น ทำให้กฎเกณฑ์การแข่งขันอาจจะไม่เท่าเทียมกันเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะสถาบันการเงินรัฐอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคลัง จึงคาดว่าจะมีการหารือระหว่างธปท.และคลังในระดับนโยบายต่อไป
นายไพบูลย์ กล่าวถึงกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินปี 55 หลังจากคณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้ผ่านว่า ขณะนี้ธปท.ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ชี้แจงและตอบข้อสังเกตต่างๆ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คาดว่าจะนำเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ส่วนขอบเขตเวลาจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาความขัดแย้งของอิหร่านมองว่าเป็นแค่ปัจจัยชั่วคราว ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมันในระยะสั้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อราคาน้ำมันในระยะยาว โดยคาดว่าราคาน้ำมันปีนี้จะไม่สูงเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ทำให้ความต้องการพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.จะมีทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่สำคัญในวันที่ 3 ก.พ.นี้ โดยคาดว่าจะปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 55 จะต่ำกว่าประมาณการเดิม คือ 4.8% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีปัญหายื้ดเยื้อมากขึ้นและความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมรุนแรงกว่าที่ ธปท.ประมาณการไว้ ทำให้กระบวนการฟื้นฟูต่างๆ อาจล่าช้าไปอีก ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวม
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด กนง.เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้ ได้มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ 3.00%ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าภาวะความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อมีไม่มาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกอาจจะยื้ดเยื้อต่อไป ซึ่งมีผลต่อปัจจัยลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยได้
“การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินติดต่อ 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายอยู่ช่วงขาลง แต่กลับเห็นว่าในปัจจุบันการใช้ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3%ต่อปี ถือว่าเป็นระดับนี้เหมาะสมการขยายตัวเศรษฐกิจ แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าแล้ว นอกจากว่าจะเกิดปัจจัยพิเศษใหม่ เข้ามากระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในอีก 8 สัปดาห์ข้างหน้า หรือประชุม กนง.อีกครั้งวันที่ 21 มี.ค.นี้ พร้อมทั้งการประมาณการเศรษฐกิจสำคัญไม่ต่างกับที่จะแถลงในวันที่ 3 ก.พ.นี้”
ทั้งนี้ การประชุมบอร์ด กนง.ครั้งนี้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมรุนแรงกว่าที่ธปท.คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปกติอาจจะล่าช้าออกไปอีก 1-2 เดือนที่ธปท.ประเมินไว้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงกว่าการประชุมกนง.ในครั้งก่อน นอกจากนี้มองว่าแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมีน้อยลงในอนาคต ซึ่งยังอยู่ระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายนโยบายการเงินที่กำหนดไว้ จึงเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 3%ต่อปี ถือเป็นระดับเหมาะสมที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ โดยไม่กระทบความเสี่ยงเงินเฟ้อ
“ความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยของจริงมากกว่าที่ธปท.ประเมินไว้ ซึ่งอาจมีผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยต่ำกว่า 1.8% ในปีก่อน โดยเมื่อสำรวจโรงงานผ่านผู้ประกอบการต่างๆ พบว่า ความเสียหายมากกว่าที่ธปท.คิดไว้ จากเดิมคาดว่าเครื่องจักรจะกู้หรือซ่อมแซมได้บ้างกลับเป็นต้องสั่งนำเข้าเครื่องจักรใหม่หมดมาทดแทนทำให้การผลิตกลับมาได้ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่เห็นว่าอาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการนำเข้าเครื่องจักรและการติดตั้งใหม่ จึงคาดว่าการผลิตจะเกิดได้ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้แทน”
ในการประชุมกนง.ครั้งนี้และการประมาณการเศรษฐกิจในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ได้นำปัจจัยการปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.3% จากเดิม 4% ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ไว้แล้ว และมองว่าการส่งผ่านนโยบายการเงินในครั้งนี้ไปยังธนาคารพาณิชย์ ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดและการตัดสินใจของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง แต่อย่างน้อยที่สุดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง 2 ครั้ง รวมเป็น 0.50%คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงบ้าง
ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ตึงตัว ซึ่งจากดูจากตัวเลขยังค่อนข้างเยอะอยู่ แต่บางช่วงอาจเกิดจากกลไกทำงานของตลาดไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะการแข่งขันของสถาบันการเงินรัฐกับธนาคารพาณิชย์ แต่เมื่อใดก็ตามหากมีปัญหาในสภาพคล่อง ธปท.ก็พร้อมจะเข้าไปดูแลจึงยืนยันว่าสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้มีปัญหา
ส่วนแนวทางการแก้ไขกลไกส่งผ่านทางการเงินภายใต้โครงสร้างระบบสถาบันการเงินของรัฐมีบทบาทมากขึ้น ทำให้กฎเกณฑ์การแข่งขันอาจจะไม่เท่าเทียมกันเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะสถาบันการเงินรัฐอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคลัง จึงคาดว่าจะมีการหารือระหว่างธปท.และคลังในระดับนโยบายต่อไป
นายไพบูลย์ กล่าวถึงกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินปี 55 หลังจากคณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้ผ่านว่า ขณะนี้ธปท.ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ชี้แจงและตอบข้อสังเกตต่างๆ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คาดว่าจะนำเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ส่วนขอบเขตเวลาจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาความขัดแย้งของอิหร่านมองว่าเป็นแค่ปัจจัยชั่วคราว ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมันในระยะสั้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อราคาน้ำมันในระยะยาว โดยคาดว่าราคาน้ำมันปีนี้จะไม่สูงเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ทำให้ความต้องการพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.จะมีทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่สำคัญในวันที่ 3 ก.พ.นี้ โดยคาดว่าจะปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 55 จะต่ำกว่าประมาณการเดิม คือ 4.8% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีปัญหายื้ดเยื้อมากขึ้นและความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมรุนแรงกว่าที่ ธปท.ประมาณการไว้ ทำให้กระบวนการฟื้นฟูต่างๆ อาจล่าช้าไปอีก ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวม
