ก.ล.ต.เผย เวิร์ลอิโคโนมี จัดอันดับประเทศไทยออกตราสารหนี้เทียบกับจีดีพีสูงสุดในโลก พร้อมหนุน บล.เป็นตัวกลางขายตราสารหนี้แก่นักลงทุนรายย่อย และหนุน บจ.ออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศ หวังตลาดตราสารหนี้ไทยเติบโตมากขึ้นล่าสุด “ปตท.” เผย นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกู้ล้น 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลต้องใช้วิธีแรนดอม เพื่อความโปร่งใส
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.คาดว่าการเสนอขายหุ้นกู้เอกชนและรัฐบาลในปี 2555 คาดว่าจะเติบโตกว่าปี 2554 ที่มี 1.2 ล้านล้านบาท เนื่องจาก ในช่วงเดือนมกราคม ปตท.เพียงบริษัทเดียวมีการออกหุ้นกู้แล้วถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยนิตยสารเวิร์ลอิโคโนมิกฟอรั่ม ได้มีการจัดอันดับในการออกตราสารหนี้ พบว่า ประเทศไทยมีการออกตราสารหนี้เมื่อเทียบกับจีดีพีสูงที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะมีการผลักดันให้ตลาดตราสารหนี้มีการเติบโตมากขึ้น และมีการปริมาณการซื้อขายในตลาดแรกและตลาดรองเพิ่มขึ้น โดย ซึ่งก.ล.ต.จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆให้เอื้อต่อการซื้อขาย และผลักดันให้นักลงทุนบุคคลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้นจากปัจจุบันที่เป็นนักลงทุนสถาบันเท่านั้น โดยการให้บล.รวมกลุ่มกันเข้าร่วมประมูลหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อนำมาจำหน่ายให้ลูกค้ารายย่อย และให้บล.ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเสนอขายหุ้นกู้
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.) มีการเสนอขายหุ้นกู้สกุลดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศไทย โดยเฉพาะ บจ.ที่มีรายรับเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) การที่จะมีหนี้เป็นสกุลดอลลาร์ก็ถือว่าสอดคล้องกัน เพราะสามารถที่จะนำไปชำระหนี้ได้ ซึ่งหากบริษัทมีการออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศก็จะทำให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตามก.ล.ต.มีแผนที่จะอนุญาตให้มีการเสนอขายหุ้นกู้สกุลต่างประเทศกับนักลงทุนบุคคลที่มีความรู้ในการลงทุนต่อ เช่น มีพอร์ตการลงทุน 50 ล้านบาท มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านบาทต่อครั้ง มีการลงทุนมาเป็นเวลา2 ปี รวมถึงตราสารหนี้ที่ไม่มีเรทติ้ง
นาย เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทครั้งนี้จำนวน 20,000 ล้านบาท นักลงทุนให้การตอบรับในการเข้ามาจำนวนมาก แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ต้องเลื่อนการเสนอขายจากเดือน ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้แบ่งเป็น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิม ของปตท. จำนวน 16,000 ล้านบาท และ 4,000 ล้านบาท เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป และผู้ถือหุ้นกู้เดิมของปตท.ที่ต้องการลงทุนหุ้นกู้เพิ่ม ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับที่สูงเกินจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขาย ทำให้บริษัทจะต้องมีการจัดสรรหุ้นกู้แบบสุ่มคัดเลือก (แรนดอม)เพื่อความโปร่งใสในการจัดสรรหุ้นกู้ ทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดมที่ต้องการลงทุนเพิ่มได้รับการ จัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไยที่มีการใช้วิธีแรนดอมหุ้นกู้
ทั้งนี้หุ้นกู้ปตท.ที่เสนอขายประกอบด้วยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุประมาณ 3 ปี 9 เดือน มูลค่า 1,950.53 ล้านบาท อัตรา ดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี และ ชุดที่ 2 อายุประมาณ 6 ปี 10 เดือน มูลค่า 18,049.47 ล้านบาท ปีที่ 1 ถึงปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ปีที่5 ถึงปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ย 4.40%ต่อปี และระยะเวลาที่เหลืออัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า บริษัทปตท.มีกระแสเงินสดมั่นคงแต่จากการที่ปตท.มีแผนการขยายการลง ทุนโดยใช้เงินลงทุนที่สูง ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการหาแหล่งระดมทุนที่เป็นเงินบาท โดยการออกหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทมีการออกหุ้นกู้ในประเทศจำนวน 1.63 แสนล้านบาท
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.คาดว่าการเสนอขายหุ้นกู้เอกชนและรัฐบาลในปี 2555 คาดว่าจะเติบโตกว่าปี 2554 ที่มี 1.2 ล้านล้านบาท เนื่องจาก ในช่วงเดือนมกราคม ปตท.เพียงบริษัทเดียวมีการออกหุ้นกู้แล้วถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยนิตยสารเวิร์ลอิโคโนมิกฟอรั่ม ได้มีการจัดอันดับในการออกตราสารหนี้ พบว่า ประเทศไทยมีการออกตราสารหนี้เมื่อเทียบกับจีดีพีสูงที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะมีการผลักดันให้ตลาดตราสารหนี้มีการเติบโตมากขึ้น และมีการปริมาณการซื้อขายในตลาดแรกและตลาดรองเพิ่มขึ้น โดย ซึ่งก.ล.ต.จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆให้เอื้อต่อการซื้อขาย และผลักดันให้นักลงทุนบุคคลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้นจากปัจจุบันที่เป็นนักลงทุนสถาบันเท่านั้น โดยการให้บล.รวมกลุ่มกันเข้าร่วมประมูลหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อนำมาจำหน่ายให้ลูกค้ารายย่อย และให้บล.ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเสนอขายหุ้นกู้
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.) มีการเสนอขายหุ้นกู้สกุลดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศไทย โดยเฉพาะ บจ.ที่มีรายรับเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) การที่จะมีหนี้เป็นสกุลดอลลาร์ก็ถือว่าสอดคล้องกัน เพราะสามารถที่จะนำไปชำระหนี้ได้ ซึ่งหากบริษัทมีการออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศก็จะทำให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตามก.ล.ต.มีแผนที่จะอนุญาตให้มีการเสนอขายหุ้นกู้สกุลต่างประเทศกับนักลงทุนบุคคลที่มีความรู้ในการลงทุนต่อ เช่น มีพอร์ตการลงทุน 50 ล้านบาท มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านบาทต่อครั้ง มีการลงทุนมาเป็นเวลา2 ปี รวมถึงตราสารหนี้ที่ไม่มีเรทติ้ง
นาย เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทครั้งนี้จำนวน 20,000 ล้านบาท นักลงทุนให้การตอบรับในการเข้ามาจำนวนมาก แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ต้องเลื่อนการเสนอขายจากเดือน ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้แบ่งเป็น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิม ของปตท. จำนวน 16,000 ล้านบาท และ 4,000 ล้านบาท เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป และผู้ถือหุ้นกู้เดิมของปตท.ที่ต้องการลงทุนหุ้นกู้เพิ่ม ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับที่สูงเกินจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขาย ทำให้บริษัทจะต้องมีการจัดสรรหุ้นกู้แบบสุ่มคัดเลือก (แรนดอม)เพื่อความโปร่งใสในการจัดสรรหุ้นกู้ ทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดมที่ต้องการลงทุนเพิ่มได้รับการ จัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไยที่มีการใช้วิธีแรนดอมหุ้นกู้
ทั้งนี้หุ้นกู้ปตท.ที่เสนอขายประกอบด้วยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุประมาณ 3 ปี 9 เดือน มูลค่า 1,950.53 ล้านบาท อัตรา ดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี และ ชุดที่ 2 อายุประมาณ 6 ปี 10 เดือน มูลค่า 18,049.47 ล้านบาท ปีที่ 1 ถึงปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ปีที่5 ถึงปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ย 4.40%ต่อปี และระยะเวลาที่เหลืออัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า บริษัทปตท.มีกระแสเงินสดมั่นคงแต่จากการที่ปตท.มีแผนการขยายการลง ทุนโดยใช้เงินลงทุนที่สูง ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการหาแหล่งระดมทุนที่เป็นเงินบาท โดยการออกหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทมีการออกหุ้นกู้ในประเทศจำนวน 1.63 แสนล้านบาท