xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ พบสัญญาณบวกหนุนตลาดไทย คาด Q1 ได้เห็นเซอร์ไพรส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินตลาดหุ้นไทย Q1/55 พบสัญญาณบวก ตปท. นักลงทุนได้เห็นเซอร์ไพรส์แน่ โดยคาดว่าจะมีการประกาศมาตรการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปที่ชัดเจนมากขึ้น และประเมินว่าจะมีการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน เพื่อป้องกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุน

นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/2555 อาจมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีเกินกว่าตลาดคาดหมาย เนื่องจากตลาดสะท้อนข่าวร้ายหลายอย่างไปแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และการคาดการณ์ระดับต่ำของตลาดจะเปิดโอกาสให้เกิดเซอร์ไพรส์ด้านบวกจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศมาตรการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปที่ชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนั้น มีสัญญาณว่าจะมีการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน เพื่อป้องกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุน โดยรัฐบาลจีนพยายามที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศ แทนการพึ่งพาการส่งออกจำนวนมาก แต่จะใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ

ด้านอัตราเงินเฟ้อในจีนเริ่มปรับตัวลดลงแล้ว และปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3% ในปี 2555 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศปรับตัวลงแรง โดยคาดว่าจะเดินหน้าลดอัตราการกันสำรอง (RRR) ของธนาคารลงอีกไม่น้อยกว่า 2% ตั้งแต่ไตรมาส 1/2555 หลังจากที่ประกาศลดครั้งแรกไป 0.50% ในวันที่ 5 ธ.ค. 54 เพื่อช่วยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น สำหรับความกังวลต่อการเกิดฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งนี้ เพราะมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบ้านจะคงอยู่ต่อไป

ปัจจัยภายในประเทศนั้น สถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2554 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) แต่ไม่น่าห่วง เนื่องจากเป็นผลกระทบระยะสั้นมากกว่า และจะตามมาด้วยการฟื้นตัวดีขึ้นได้ในปี 2555 โดยมีสาเหตุมาจากการกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ อุปสงค์ที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้าจะถูกปลดปล่อยออกมา และอุปสงค์จะเกิดใหม่จากการเปลี่ยนหรือฟื้นฟูซ่อมแซม

ดังนั้น กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในการวิเคราะห์ของ บล.ไทยพาณิชย์ น่าจะเติบโต 10% ในปี 2554 และเติมโต 19% ในปี 2555 โดยประมาณการนี้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 23% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในไตรมาสแรกนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2554 โดยเฉพาะวิกฤติหนี้ยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนยังคงไม่กล้าที่จะลงทุนในตลาดหุ้นอย่างเต็มที่นัก โดยความไม่มั่นใจของนักลงทุนได้สะท้อนไปที่ค่า PE ratio ของ SET index ณ สิ้นปี 2554 ที่ระดับ 12.60 เท่า และค่า PBV ratio ที่ 1.9 เท่า

แต่การเริ่มต้นปี 2555 ด้วยค่า PE ratio และ PBV ratio ในระดับต่ำเช่นนี้ เป็นการสะท้อนว่านักลงทุนไม่ได้คาดหวังกับอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมากนัก จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นอกจากนี้ ยังประเมินว่านักลงทุนต่างชาติมีโอกาสนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยคาดว่าทั้งปี มูลค่าเงินลงทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติจะไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล และ ทองคำ เริ่มมีราคาแพงขึ้นเมื่อเปรียบกับตลาดหุ้น และนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป จึงทำให้เงินไหลเข้าไปยังตลาดน้ำมัน สินค้าเกษตร และตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1/2555 แนะนำหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อเทียบกับความเสี่ยง คือ BANPU PTT และ TOP เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูซ่อมแซมหลังน้ำท่วม คือ DCC และ CPF แม้ประเด็นนี้ถูกนำมาพูดถึงกันมากแล้ว แต่มองว่าผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิคโดยเฉพาะ DCC เป็นกรณียกเว้นในแง่ของการได้รับประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมในทันที ส่วน CPF นั้น ได้คาดการณ์ถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์น้ำท่วม และมูลค่าหุ้นมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก หากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการในจีนและเวียดนาม
กำลังโหลดความคิดเห็น