xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” จี้ประกันจ่ายสินไหม-ขีดเส้น 6 เดือน เร่งออกงบด่วนฟื้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รมว.คลังจี้บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมให้นิคมฯ ภายใน 6 เดือน พร้อมปรับการใช้งบดึงโครงการเร่งด่วนออกมาทำก่อน เผยคลังติดตามปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีหน้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ-ยุโรปใกล้ชิด พร้อมเร่งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบฟื้นภาคการผลิต



นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจว่า รัฐบาลได้เร่งเดินสายชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศในระยะยาวน่าจะทำให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แม้ว่าธุรกิจประกันภัยยังน่าเป็นห่วงกรณีของบริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็กและภาคครัวเรือนที่อาจมีปัญหาในการทำประกันอุทกภัยวินาศภัยอยู่บ้าง แต่บริษัทขนาดใหญ่นั้นต่างชาติยังคงรับประกันภัยต่อ

ส่วนการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้ภาคธุรกิจที่ถูกน้ำท่วมจากทุนประกัน 7 แสนล้านบาท ซึ่งเสียหายประมาณ 20-30% ทางคปภ.ระบุว่าบริษัทประกันจะใช้เวลาจ่ายให้ได้ 75% ของเงินที่เคลมภายใน 12 เดือน ตนจึงขอให้จ่ายภายให้เร็วขึ้นใน 6 เดือนเพื่อลดความเดอดร้อนของภาคเอกชน

“คปภ.ระบุว่าผู้ประเมินความเสียหายของนิคมฯต่างไม่เพียงพอ ทำให้การพิจารณาจ่ายชดเชยค่าเสียหายล่าช้า จึงกำชับให้สามารถใช้บริษัทจากต่างประเทศมาช่วยประเมินได้โดยเหมาเป็นนิคมฯจะได้ทำงานเร็วขึ้น ส่วนกรณีของรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมนั้นนายกฯ ได้หารือในที่ประชุมเพ่อหามาตรการช่วยเหลือผู้เดอดร้อน โดยอาจจะประกันผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้จำหน่ายสินค้าเพื่อการซ่อมแซมรถในราคาย่อมยาว เช่น เบาะ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นต้น” นายธีระชัย กล่าว

นอกจากนั้น ในการเร่งฟื้นฟูหลังน้ำท่วมยังรวมไปถึงการเร่งใช้งบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของงบฟื้นฟู 1.2 แสนล้านบาทนั้น ครม.ได้มอบหมายให้ทุกส่วนราชการกลับไปพิจารณาโครงการเร่งด่วนที่สารถทำได้เร็วภายในไตรมาสแรกของปีหน้า และต้องเร่งด่วนจริง เช่น การซ่อมประตูคลองบางโฉมศรี ถือว่ามีความจำเป็นจริงแต่การขุดลอกคูคลองอาจจะไม่จำเป็นเร่งด่วน จึงให้ทบทวนอีกครั้ง โดยส่วนของตนดูแลจังหวัดลพบุรีก็จะประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อดึงโครงการจำแร่งด่วนออกมาเพื่อขอใช้งบในส่วนนี้ต่อไป ส่วนของโครงการไม่จำเป็นก็อยู่ในงบปกติของแต่ละหน่วยงานอยู่แล้วแต่ต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโครงการเร่งด่วนหรือปกติรัฐบาลยังยึดหลักการใช้เงินอย่างโปร่งใสและมีการตรวจสอบ ส่วนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายแสนล้านบาทนั้นเป็นคนละส่วนกัน

โดยสิ่งที่รัฐต้องเร่งดำเนินการหลังจากนี้ นอกเหนือจากเร่งสร้างความเชื่อมั่นคือการเร่งผลักดันสภาพคล่องเข้าสู่ระบบให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องในปีหน้า โดยในที่ประชุมสมาคมธนาคารไทยรายงานว่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ 2-3 แห่งมีการปล่อยสินเชื่อเพ่อการจัดซื้อเครื่องจักรไปแล้วถึง 1 แสนล้านบาท หากรวมทั้งระบบสินเชื่อก็น่าจะเริ่มฟื้นตัว โดยในการประชุมเดือนหน้าขอให้นำตัวเลขที่ชัดเจนมารายงานอีกครั้ง ซึ่งจะรวมถึงการติดตามสินเชอของสถาบันการเงินของรัฐด้วย

อย่างไรก็ตาม ระบบสถาบันการเงินยืนยันว่ามีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อยสินเชื่อและมีความเข้มแข็งรองรับความผันผวนจากตลาดการเงินโลกได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ขณะที่ทางด้านตลาดทุนนั้นทางภาคเอกชนยอมรับว่าจากปัญหาจากปัญหาน้ำท่วมที่กระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ผ่านมาทำให้มีเงินไหลออกจากตลาดทุนไทยแล้วกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียมาเงินไกลเข้าถึง 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงขอให้ภาครัฐเร่งโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

นายธีระชัยกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้หารือปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยปีหน้า ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เรายังต้องจับตาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีความเสี่ยงและความเปาะบาง โดยเฉพาะหนี้ของกรีซที่จะถึงกำหนดชำระเดือนมีนาคมปีหน้า และสถาบันการเงินทั่วโลกมีหนี้ยุโรปอยู่ 1 ใน 3 ถ้าแก้หนี้ไม่สำเร็จก็จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อตลาดการเงิน ท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย ขณะที่ทางภาคเอกชนทั้งสภากอการค้า สภาอุตสาหกรรมยอมรับว่ามีความเป็นห่วงเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบการส่งออกของไทยบ้างแต่คงไม่มากนัก เพราะขณะนี้ได้เพิ่มสัดส่วนไปยังตลาดเกิดใหม่และเน้นในเอเชียและจีนมากขึ้น รวมทั้งในอนาคตก็จะหันมาที่ 6 เหลี่ยมเศรษฐกิจมากขึ้นเพราะไทยจะได้ประโยชน์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ส่วนภาคการผลิตน่าจะกลับเข้าสู่ภ่วะปกติได้ไตรมาสแรกของปีหน้า จึงเชื่อว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาคเอกชนและการอัดฉีดสภาพคล่องฟื้นฟูเศรษฐกิจน่าจะผลักดันจีดีพีปีหน้าให้ขยายตัวในระดับ 5% ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น