กสิกรฯ คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า แกว่งตัวผันผวน เตือนระวังปรับฐาน ส่วนแนวโน้มเงินบาท สัปดาห์หน้า อ่อนค่าแตะ 31 บาท แนะจับตา สศช.แถลงตัวเลข ศก.ไตรมาส 3 การแก้หนี้ยูโร และการเลือกตั้งในสเปน ขณะที่ ธปท.คาดการณ์หลังน้ำท่วม เงินบาทอาจผันผวน และแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เป็นในระยะสั้น เนื่องจากเม็ดเงินประกันภัยที่ไหลเข้ามา ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมนำเงินออกไปซื้อเครื่องจักรใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า (ระหว่างวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2554) โดยมองว่า ดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวผันผวน และต้องระวังการปรับฐาน ขณะที่ยังคงต้องจับตาพัฒนาการการแก้ปัญหาหนี้และการเมืองในยุโรป ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งในสเปน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
นอกจากนี้ คงต้องติดตามข้อสรุปของคณะกรรมาธิการ Super Committee เกี่ยวกับการปรับลดรายจ่ายภาครัฐของสหรัฐฯ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จีดีพีไตรมาส 3/2554 (รายงานครั้งที่ 2) และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 982 และ 960 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,010 และ 1,020 จุด ตามลำดับ
ส่วนภาวะตลาดเงิน คาดว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.75-31.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2554 ของไทยโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สัญญาณการลุกลามของวิกฤตหนี้ยูโรโซน
นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2554 ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานเดือนตุลาคม 2554 จีดีพีประจำไตรมาส 3/2554 (รายงานครั้งที่ 2) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2554 เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และตลาดการเงินบางส่วนจะปิดทำการเร็วกว่าปกติในวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2554
ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์น้ำท่วม คาดว่า จะมีเม็ดเงินจากบริษัทประกันภัยต่างชาติที่จะไหลเข้ามาเพื่อชดเชยค่าสินไหมจากการเอาประกันภัยของโรงงานต่างๆ ในวงเงินจำนวนมาก และมีผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นรวดเร็วบ้างในระยะสั้น แต่ทาง ธปท.ก็มีหน้าที่ดูแลความผันผวนให้กับระบบอยู่แล้ว และในช่วงจากนั้น แม้จะมีเม็ดเงินต่างประเทศที่เข้ามาจากประกันภัย แต่ก็เชื่อว่า จะถูกใช้ไปในการซื้อเครื่องจักรใหม่มาทดแทนเครื่องจักรที่จมน้ำ หรือได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งเงินส่วนนั้นก็จะไหลออกไปนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น เชื่อว่า ทิศทางเงินทุนจะมีทั้ง 2 ทิศทาง คือ มีทั้งไหลเข้า และไหลออก และอาจจะมีความผันผวน ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท.และผู้เกี่ยวข้องกับกับอัตราแลกเปลี่ยนต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่อรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป สำหรับเครื่องมือเพื่อเตรียมรับความผันผวนนั้น ธปท.ก็ได้เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการอะไร เพราะนักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศไทย
นายประสาร กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในขณะนี้ เกิดจากปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป เช่น อิตาลี และ กรีซ ซึ่งยังไม่มีทางแก้ไขที่ชัดเจน ดังนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่อยากจะลงทุนสินทรัพย์ทที่มีความเสี่ยงต่ำอยู่ และเงินดอลลาร์ก็ยังเป็นเงินที่มีความมั่นคงมากกว่าเงินในสกุลอื่นๆ ของโลก ดังนั้น ในช่วงนี้ นักลงทุนจะลดการถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในประเทศเกิดใหม่ เช่น ประเทศไทยต่อไปอีกระยะ ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แต่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในช่วงนี้ที่อยู่ในระดับ 30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น ยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะทาง ธปท.อาจจะมีความเป็นห่วงหากเงินบาทมีทิศทางแข็งขึ้นมากกว่า