ASTV ผู้จัดการรายวัน - โตโย-ไทย (TTCL) ยิ้มรับกำไรงวด 9 เดือน เติบโตเพิ่มขึ้น 18% เป็น 266 ล้านบาทเตรียมพร้อมจัดตั้งโตโย-ไทยมาเลเซีย และโตโย-ไทยเมียนม่าร์ ภายในปีหน้า
นายกอบชัย ธนสุกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ TTCL หรือ บริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แบบครบวงจร (Integrated EPC) รายเดียวของไทย เปิดเผยว่าในงวด 9 เดือนปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 30% เป็น 5,249 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโต 18% เป็น 266 ล้านบาท
“โดยในงวด 9 เดือน ปี 2554 TTCL รายได้รวม 5,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.% เมือเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 4,023 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วที่ 621 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จาก 226 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปี 2553 ทำให้ TTCL มีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.72 บาทต่อหุ้น (คิดเฉลี่ยทั้งปี) และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ได้ที่ระดับ 5.06% โดยมีผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูงถึง 23.24% และมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง มีปริมาณเงินสดในมือถึง 1,832 ล้านบาท
นางสุรัตนา ตฤณรตนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและสัญญา ฝ่ายโครงการและฝ่ายจัดซื้อจัดหา กล่าวว่า “TTCL ได้เตรียมขยายงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการได้มี มติอนุมัติให้บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทจัดตั้งบริษัทโตโย-ไทย มาเลเชีย และจะจัดตั้งโตโย-ไทย เมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการจัดตั้งคาดจะสำเร็จภายในต้นปี2555 ขณะเดียวกัน TTCL อยู่ระหว่างเข้าประมูลงานหลากหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยล่าสุด TTCL มีปริมาณงานคงค้าง (แบ็คล็อค) ประมาณ 20,000 ล้านบาท
“สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ มีผลกระทบต่อโครงการของTTCL ค่อนข้างน้อย เนื่องจากงานส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศและในภาคตะวันออกซึ่งไม่มีปัญหาน้ำท่วม จึงมีเพียงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านวนคร (NNE) เพียงโครงการเดียวที่อยู่ในเขตน้ำท่วม ซึ่งบริษัทฯได้ขนย้ายอุปกรณ์สำคัญออกจากพื้นที่ก่อนที่น้ำจะท่วมถึงกว่า 2 สัปดาห์ และมีการทำประกันภัยแบบครบวงจร (All Risks) ทำให้สามารถจำกัดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯได้ดำเนินการก่อสร้าง รวดเร็วกว่ากำหนดประมาณ 2 เดือน จึงคาดว่าการหยุดก่อสร้างชั่วคราวในช่วงน้ำท่วม จะไม่มีผลต่อความล่าช้าของโครงการมากนัก”
บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 480 ล้านบาทก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และในปัจจุบัน บริษัท ชิโยดะคอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 7% เช่นกัน
TTCL เป็น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ที่มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 26 ปี ปัจจุบัน TTCL มีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 850 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,600 คน บริษัทฯมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 190 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่ มาเลเซีย จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา
นายกอบชัย ธนสุกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ TTCL หรือ บริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แบบครบวงจร (Integrated EPC) รายเดียวของไทย เปิดเผยว่าในงวด 9 เดือนปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 30% เป็น 5,249 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโต 18% เป็น 266 ล้านบาท
“โดยในงวด 9 เดือน ปี 2554 TTCL รายได้รวม 5,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.% เมือเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 4,023 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วที่ 621 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จาก 226 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปี 2553 ทำให้ TTCL มีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.72 บาทต่อหุ้น (คิดเฉลี่ยทั้งปี) และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ได้ที่ระดับ 5.06% โดยมีผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูงถึง 23.24% และมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง มีปริมาณเงินสดในมือถึง 1,832 ล้านบาท
นางสุรัตนา ตฤณรตนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและสัญญา ฝ่ายโครงการและฝ่ายจัดซื้อจัดหา กล่าวว่า “TTCL ได้เตรียมขยายงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการได้มี มติอนุมัติให้บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทจัดตั้งบริษัทโตโย-ไทย มาเลเชีย และจะจัดตั้งโตโย-ไทย เมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการจัดตั้งคาดจะสำเร็จภายในต้นปี2555 ขณะเดียวกัน TTCL อยู่ระหว่างเข้าประมูลงานหลากหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยล่าสุด TTCL มีปริมาณงานคงค้าง (แบ็คล็อค) ประมาณ 20,000 ล้านบาท
“สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ มีผลกระทบต่อโครงการของTTCL ค่อนข้างน้อย เนื่องจากงานส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศและในภาคตะวันออกซึ่งไม่มีปัญหาน้ำท่วม จึงมีเพียงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านวนคร (NNE) เพียงโครงการเดียวที่อยู่ในเขตน้ำท่วม ซึ่งบริษัทฯได้ขนย้ายอุปกรณ์สำคัญออกจากพื้นที่ก่อนที่น้ำจะท่วมถึงกว่า 2 สัปดาห์ และมีการทำประกันภัยแบบครบวงจร (All Risks) ทำให้สามารถจำกัดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯได้ดำเนินการก่อสร้าง รวดเร็วกว่ากำหนดประมาณ 2 เดือน จึงคาดว่าการหยุดก่อสร้างชั่วคราวในช่วงน้ำท่วม จะไม่มีผลต่อความล่าช้าของโครงการมากนัก”
บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 480 ล้านบาทก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และในปัจจุบัน บริษัท ชิโยดะคอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 7% เช่นกัน
TTCL เป็น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ที่มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 26 ปี ปัจจุบัน TTCL มีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 850 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,600 คน บริษัทฯมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 190 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่ มาเลเซีย จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา