คลัง - สำนักงบประมาณ เสนอ ครม.วันนี้ ขยายกรอบขาดดุลงบประมาณปี 55 เพิ่มเติมอีก 5 หมื่นล้านบาทดันเพดานขาดดุลงบประมาณพุ่งถึง 4 แสนล้าน หวังใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาน้ำท่วม ขณะที่แบงก์รัฐเดินหน้าเยียวยาลูกค้าออกมาแพ็กเกจช่วยเหลือ “ไอแบงก์” ออกมาตรการ “ยิ้มสู้ฟื้นฟูอาชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย” เยียวยาหลังน้ำลด
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาขยายวงเงินการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เพื่อเติมสำหรับนำมาใช้ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยรัฐบาลอาจจะต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการลงทุนระยะยาว ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมทั้งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งหากจำเป็นก็อาจจะต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้ลงทุน
“ขณะนี้แนวทางที่ได้หารือกันไว้จำเป็นต้องขยายวงเงินขาดดุลงบประมาณออกไป เพื่อรองรับเหตุการณ์ (อุทกภัย) ครั้งนี้ แต่จะขยายเท่าไหร่ต้องหารือกับทางผู้อำนวยการสำนักงบประมาณอีกครั้ง” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกับธนาคารพาณิชย์ในการพิจาร๖หาแนวทางช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ด้วย ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ของรัฐเองจะมีมาตรการพักการชำระหนี้ หรือมาตรการหยุดคิดคำนวณดอกเบี้ยชั่วคราว เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จะพักการคิดคำนวณดอกเบี้ยให้นาน 2-3 ปี
ทั้งนี้ ธปท.จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งได้สั่งการให้ตัวแทนของกระทรวงการคลังไปร่วมรับฟังการประชุมดังกล่าวด้วย เพื่อช่วยชี้แจงทำความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากภัยธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นปัญหาหนี้เสีย
นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เผยว่า ในวันนี้จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาขยายกรอบวงเงินการ ขาดดุลงบประมาณ ปี 55 เป็นขาดดุล 4 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท หลังเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในประเทศ
“จะเสนอคณะรัฐมนตรี ขยายกรอบวงเงินขาดดุลงบประมาณ จากเดิมที่ตั้งไว้ 350,000 ล้านบาท เป็น 400,000 ล้านบาท หรือเพิ่ม 50,000 ล้านบาท” นายวรวิทย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ภายหลังการหารือร่วมกันนายกรัฐมนตรี และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย
เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณปี 55 (ต.ค.54-ก.ย.55) โดยมีการขาดดุลงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย งบประมาณรายจ่าย 2.33 ล้านล้านบาท ส่วนการจัดเก็บรายได้ อยู่ที่ 1.98 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ประเมินผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วมใหญ่ขณะนี้ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ราว 1.0-1.7%
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เร่งจัดทำมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้โครงการ “ยิ้มสู้ฟื้นฟูอาชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย” โดยมี 3 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพื่อแบ่งเบาภาระและให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแก่ประชาชนโดยทั่วไปและลูกค้าของธนาคารทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ไม่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อที่ได้รับความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม จะได้รับการพักชำระทั้งเงินต้นและกำไร (พักชำระหนี้) มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม สามารถแบ่งประเภทสินเชื่อ ได้ดังนี้ สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างทรัพย์สินและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว สามารถปลอดการชำระเงินต้นสูงสุดได้ไม่เกิน 6 เดือน และคิดอัตรากำไรเริ่มต้นที่ SPRL-1.50% ในปีแรก และมาตรการที่ 3 สำหรับลูกค้ารายใหม่ที่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อ สามารถแบ่งประเภทสินเชื่อ ได้ดังนี้ สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างทรัพย์สินและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว สามารถปลอดการชำระเงินต้นสูงสุดได้ไม่เกิน 6 เดือน และคิดอัตรากำไรเริ่มต้นที่ SPRL-0.50% ในปีแรก
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาขยายวงเงินการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เพื่อเติมสำหรับนำมาใช้ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยรัฐบาลอาจจะต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการลงทุนระยะยาว ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมทั้งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งหากจำเป็นก็อาจจะต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้ลงทุน
“ขณะนี้แนวทางที่ได้หารือกันไว้จำเป็นต้องขยายวงเงินขาดดุลงบประมาณออกไป เพื่อรองรับเหตุการณ์ (อุทกภัย) ครั้งนี้ แต่จะขยายเท่าไหร่ต้องหารือกับทางผู้อำนวยการสำนักงบประมาณอีกครั้ง” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกับธนาคารพาณิชย์ในการพิจาร๖หาแนวทางช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ด้วย ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ของรัฐเองจะมีมาตรการพักการชำระหนี้ หรือมาตรการหยุดคิดคำนวณดอกเบี้ยชั่วคราว เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จะพักการคิดคำนวณดอกเบี้ยให้นาน 2-3 ปี
ทั้งนี้ ธปท.จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งได้สั่งการให้ตัวแทนของกระทรวงการคลังไปร่วมรับฟังการประชุมดังกล่าวด้วย เพื่อช่วยชี้แจงทำความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากภัยธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นปัญหาหนี้เสีย
นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เผยว่า ในวันนี้จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาขยายกรอบวงเงินการ ขาดดุลงบประมาณ ปี 55 เป็นขาดดุล 4 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท หลังเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในประเทศ
“จะเสนอคณะรัฐมนตรี ขยายกรอบวงเงินขาดดุลงบประมาณ จากเดิมที่ตั้งไว้ 350,000 ล้านบาท เป็น 400,000 ล้านบาท หรือเพิ่ม 50,000 ล้านบาท” นายวรวิทย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ภายหลังการหารือร่วมกันนายกรัฐมนตรี และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย
เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณปี 55 (ต.ค.54-ก.ย.55) โดยมีการขาดดุลงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย งบประมาณรายจ่าย 2.33 ล้านล้านบาท ส่วนการจัดเก็บรายได้ อยู่ที่ 1.98 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ประเมินผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วมใหญ่ขณะนี้ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ราว 1.0-1.7%
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เร่งจัดทำมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้โครงการ “ยิ้มสู้ฟื้นฟูอาชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย” โดยมี 3 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพื่อแบ่งเบาภาระและให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแก่ประชาชนโดยทั่วไปและลูกค้าของธนาคารทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ไม่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อที่ได้รับความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม จะได้รับการพักชำระทั้งเงินต้นและกำไร (พักชำระหนี้) มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม สามารถแบ่งประเภทสินเชื่อ ได้ดังนี้ สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างทรัพย์สินและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว สามารถปลอดการชำระเงินต้นสูงสุดได้ไม่เกิน 6 เดือน และคิดอัตรากำไรเริ่มต้นที่ SPRL-1.50% ในปีแรก และมาตรการที่ 3 สำหรับลูกค้ารายใหม่ที่ประสงค์จะขอวงเงินสินเชื่อ สามารถแบ่งประเภทสินเชื่อ ได้ดังนี้ สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างทรัพย์สินและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว สามารถปลอดการชำระเงินต้นสูงสุดได้ไม่เกิน 6 เดือน และคิดอัตรากำไรเริ่มต้นที่ SPRL-0.50% ในปีแรก