ที่ประชุม ครม.อนุมัติขยายกรอบวงเงินงบประมาณขาดดุลปี 55 เพิ่ม หมื่นล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วม พร้อมตั้งคณะทำงานโดยมี “ยงยุทธ” นั่งเป็นประธาน เพื่อดูแลเรื่องการจัดการโครงสร้างผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยทั้งระบบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (18 ต.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 55 เป็นเงิน 2.33 ล้านล้านบาท โดยมีเป้าหมายรายรับอยู่ที่ 1.98 ล้านล้านบาท ก็เท่ากับเป็นการเตรียมการที่จะต้องมีงบประมาณขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท แต่เนื่องจากวันนี้เกิดวิฤตน้ำท่วม ครม.จึงขยายกรอบวงเงินขาดดุลงบประมาณเป็น 4 แสนล้านบาท ก็เท่ากับว่ามีเป้าหมายรายรับ 1.98 ล้านล้านบาทนั้น เราก็เตรียมที่จะต้องมีงบประมาณรายจ่ายเท่ากับ 2.38 ล้านล้านบาท ซึ่งในกรอบวงเงินตรงนี้ที่ประชุมทราบดีว่าได้มีการปรับลดงบประมาณขั้นพื้นฐานในยอดประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยยอดรายจ่ายทั่วไปของทุกกระทรวงลง ทั้งนี้จะเอาวงเงินตรงนี้มาแก้ปัญหาอุทกภัยและเยียวยา
อย่างไรก็ตาม การที่เจออุทกภัยเป็นวงกว้าง ดังนั้นเงินงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาทที่อนุมัติเพิ่มขึ้นมา จนเป็นกรอบขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นก็จะไปสมทบกับส่วนนั้น และครม.ก็ทราบว่าแม้จะมีการจัดเตรียมงบประมาณในการจัดการน้ำไว้จำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ความจำเป็นในการลงทุนในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาจากภัยพิบัติธรรมชาติ ซึ่งอาจจะไม่ได้หมายถึงอุทกภัยจะต้องมีความเข้มแข็งกับประเทศอีก ครม.ได้มอบหมายให้ รมว.คลังและตนจัดทำกรอบที่จะต้องออกกฎหมายที่จะต้องกู้เงินจำนวนมาก ซึ่งคงเป็นตัวเลขหลายแสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ทั้งนี้ตัวเลขเงินกู้จะมากมายหลายแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางนายกฯ ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน และมีกระทรวงต่างๆ ที่ดูแลเรื่องการจัดการโครงสร้างต่างๆ ของประเทศ และตนและ รมว.คลังก็จะทำหน้าที่มีส่วนร่วมในการทำงานกับคณะทำงานชุดนี้ ทั้งนี้ทราบดีว่ามีเวลาไม่มาก เพราะว่ากว่าน้ำจะลดก็คงใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์และการลดแล้วการดำเนินการอะไรต่างๆ ให้เสร็จก่อนฝนใหม่จะก็เป็นภารกิจที่จะต้องเร่งทำ ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำชับว่าขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยการดำเนินการต่างๆ รมว.แต่ละกระทรวงต้องทำหน้าที่ในแต่ละกระทรวงให้ดี ทั้งในส่วนการป้องกันความเสียหายและเยียวยาที่จะต้องมีต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (18 ต.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 55 เป็นเงิน 2.33 ล้านล้านบาท โดยมีเป้าหมายรายรับอยู่ที่ 1.98 ล้านล้านบาท ก็เท่ากับเป็นการเตรียมการที่จะต้องมีงบประมาณขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท แต่เนื่องจากวันนี้เกิดวิฤตน้ำท่วม ครม.จึงขยายกรอบวงเงินขาดดุลงบประมาณเป็น 4 แสนล้านบาท ก็เท่ากับว่ามีเป้าหมายรายรับ 1.98 ล้านล้านบาทนั้น เราก็เตรียมที่จะต้องมีงบประมาณรายจ่ายเท่ากับ 2.38 ล้านล้านบาท ซึ่งในกรอบวงเงินตรงนี้ที่ประชุมทราบดีว่าได้มีการปรับลดงบประมาณขั้นพื้นฐานในยอดประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยยอดรายจ่ายทั่วไปของทุกกระทรวงลง ทั้งนี้จะเอาวงเงินตรงนี้มาแก้ปัญหาอุทกภัยและเยียวยา
อย่างไรก็ตาม การที่เจออุทกภัยเป็นวงกว้าง ดังนั้นเงินงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาทที่อนุมัติเพิ่มขึ้นมา จนเป็นกรอบขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นก็จะไปสมทบกับส่วนนั้น และครม.ก็ทราบว่าแม้จะมีการจัดเตรียมงบประมาณในการจัดการน้ำไว้จำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ความจำเป็นในการลงทุนในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาจากภัยพิบัติธรรมชาติ ซึ่งอาจจะไม่ได้หมายถึงอุทกภัยจะต้องมีความเข้มแข็งกับประเทศอีก ครม.ได้มอบหมายให้ รมว.คลังและตนจัดทำกรอบที่จะต้องออกกฎหมายที่จะต้องกู้เงินจำนวนมาก ซึ่งคงเป็นตัวเลขหลายแสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ทั้งนี้ตัวเลขเงินกู้จะมากมายหลายแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางนายกฯ ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน และมีกระทรวงต่างๆ ที่ดูแลเรื่องการจัดการโครงสร้างต่างๆ ของประเทศ และตนและ รมว.คลังก็จะทำหน้าที่มีส่วนร่วมในการทำงานกับคณะทำงานชุดนี้ ทั้งนี้ทราบดีว่ามีเวลาไม่มาก เพราะว่ากว่าน้ำจะลดก็คงใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์และการลดแล้วการดำเนินการอะไรต่างๆ ให้เสร็จก่อนฝนใหม่จะก็เป็นภารกิจที่จะต้องเร่งทำ ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำชับว่าขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยการดำเนินการต่างๆ รมว.แต่ละกระทรวงต้องทำหน้าที่ในแต่ละกระทรวงให้ดี ทั้งในส่วนการป้องกันความเสียหายและเยียวยาที่จะต้องมีต่อไป