รมว.คลัง เตรียมลงนามผู้ถือหุ้นในกองทุน AIF ในการประชุม “เวิลด์แบงก์-ไอเอ็มเอฟ” เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนภายในอาเซียนที่จะนำมาใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค และสามารถนำเงินออมภายในภูมิภาคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผ่านทางการออกพันธบัตรที่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่ธนาคารกลางสามารถถือเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศได้
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุค โดยระบุว่า ออกเดินทางร่วมประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐอเมริกาแล้ว โดยจะเข้าร่วมการประชุมหลักของ World Bank และ IMF
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมเข้าร่วมอีกหลายการประชุมที่สำคัญ อาทิ US-ASEAN Business Council การประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงการลงนามในความตกลงผู้ถือหุ้นในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอาเซียน หรือ ASEAN Infrastructure Fund (AIF)
โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน AIF มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนภายในภูมิภาคอาเซียนที่จะนำมาใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน และสามารถนำเงินออมภายในภูมิภาคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผ่านทางการออกพันธบัตรที่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่ธนาคารกลางสามารถถือเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศได้
สำหรับเงินลงทุนในกองทุน AIF นั้นจะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (ยกเว้นพม่า) และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) มีเงินกองทุนเริ่มต้น 485.2 ล้านดอลลาร์ โดยประเทศไทยจะร่วมลงทุน 15 ล้านดอลลาร์ และมี ADB เป็นผู้บริหารกองทุนฯ การให้เงินกู้จะดำเนินการร่วมกับ ADB ในอัตราส่วน 30:70 ในทุกโครงการ และมีแผนที่จะเพิ่มขนาดของกองทุนผ่านทางการออกตราสารทางการเงินกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Bond) และพันธบัตร (Bond) รวมถึง การลงทุนเพิ่มจากผู้ถือหุ้นในอนาคต
