เอเอฟพี - ธนาคารโลกเผยราคาอาหาร-เชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2011 ทำให้ต้องปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เหลือเพียง 3.2%
ธนาคารโลกระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกรายครึ่งปีว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้หดลง 1 ใน 10 จากที่เคยประเมินไว้ในเดือนมกราคม และลดลงอย่างมากจากปี 2010 ที่ขยายตัว 3.8% แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะกระเตื้องขึ้นในปี 2012
ด้าน จัสติน ลิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวิลด์แบงก์ชี้ว่า ราคาน้ำมัน และอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้นอาจยับยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลร้ายต่อประเทศยากจนอย่างมาก
ขณะที่ประเทศรายได้สูงยังคงต้องดิ้นรนฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินโลก ปี 2008-2009 แต่การเติบโตอาจชะลอตัวลงจาก 2.7% ในปี 2010 เหลือ 2.2% ในปี 2011 ซึ่งก่อนหน้านี้ประเมินไว้ที่ 2.4%
ส่วน แอนดรูว์ เบิร์นส์ หัวหน้าทีมเขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวในการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่เวิลด์แบงก์ในกรุงวอชิงตันว่า ประเทศร่ำรวยต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่างๆ อีกมาก
เบิร์นระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นหยุดชะงัก แต่ไม่น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยซ้ำอีก โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะโตอย่างเชื่องช้า 2.6% และเพิ่มขึ้นเป็น 2.9% ในปี 2012
สำหรับหายนภัยทางธรรมชาติในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม และกระแสเหตุความไม่สงบในโลกอาหรับ ที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศเหล่านั้นดิ่งลงอย่างมาก กลับส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกเพียงเล็กน้อย เวิลด์แบงก์สำทับ
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การฟื้นตัวของประเทศในยุโรปนั้นสวนกระแสจากความไม่แน่นอนของวิกฤตหนี้สินในหลายประเทศสมาชิกยูโรโซน โดยคาดว่าเศรษฐกิจของ 17 ชาติในยูโรโซนจะขยายตัว 1.7% ในปีนี้ และ 1.8% ในปีหน้า
ในทางตรงกันข้าม ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำมาแล้ว จึงเป็นแรงกระตุ้นสำหรับการฟื้นตัวทั่วโลก แต่ขณะเดียวกัน การขยายตัวอย่างมั่นคงนั้นก็ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าก็แพงขึ้นไปตามกลไกตลาดด้วย