หุ้นไทยร่วง 8 จุด “จรัมพร” เชื่อ ผันผวนตามความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศ ทั้งยูโรโซน และสหรัฐฯ ชี้ หุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยสุด หากเลือกลงทุนหุ้นปันผลจะได้รับผลกระทบน้อย ยอมรับเฝ้าติดตามการใช้เงินของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด หวั่นกู้เยอะสร้างความเสี่ยง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,022.96 จุด ลดลง 8.71 จุด หรือ -0.84% มูลค่าการซื้อขาย 29,184.79 ล้านบาท ตลอดวันแกว่งผันผวนในแดนลบ จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยูโรโซน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,526.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,666.28 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวน เนื่องจากเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลปัญหาหนี้ของยุโรป ซึ่งนักวิเคราะห์รอดูว่าปัญหาครั้งนี้จะเหมือนปัญหาเลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2551 หรือไม่ และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้เม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นหันไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนและปรับตัวลดลง แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่ามีการปรับตัวลดลงน้อยที่สุดในภูมิภาค ซึ่งหากนักลงทุนลงทุนในหุ้นที่มีปันผลดีก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของดัชนี ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนไทยมีการปรับตัวที่ดี กำไรเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้มีการติดตามดูว่านักลงทุนมีการใช้เงินตัวเองในการลงทุน หรือกู้มาซื้อหุ้น เพราะหากมีการกู้มาซื้อหุ้นจำนวนมาก จะทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบในเรื่องการชำระราคาหลักทรัพย์ แต่จากการติดตามตอนนี้นักลงทุนมีการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) เพียง 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าไม่มาก
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวผันผวนในแดนลบ โดยปัจจัยกดดันหลักยังมาจากความกังวลเรื่องภาวะหนี้สินในยูโรโซน แม้ตอนนี้จะมีกระแสข่าวที่จะให้ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการเข้าไปซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหา แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนออกมา ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติก็คาดว่าจะยังคงขายสุทธิต่อ
ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (15 ก.ย.) ดัชนีน่าจะแกว่งตัวไร้ทิศทางต่อ อย่างไรก็ตามต้องรอดูปัจจัยจากภายนอกประกอบด้วย นั่นคือ การเคลื่อนไหวของดาวโจนส์ รวมถึงการประชุมร่วมระหว่างผู้นำเยอรมันนี, ฝรั่งเศส และ กรีซ คืนนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,020-1,012 จุด แนวต้าน 1,030-1,040 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,022.96 จุด ลดลง 8.71 จุด หรือ -0.84% มูลค่าการซื้อขาย 29,184.79 ล้านบาท ตลอดวันแกว่งผันผวนในแดนลบ จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยูโรโซน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,526.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,666.28 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวน เนื่องจากเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลปัญหาหนี้ของยุโรป ซึ่งนักวิเคราะห์รอดูว่าปัญหาครั้งนี้จะเหมือนปัญหาเลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2551 หรือไม่ และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้เม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นหันไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนและปรับตัวลดลง แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่ามีการปรับตัวลดลงน้อยที่สุดในภูมิภาค ซึ่งหากนักลงทุนลงทุนในหุ้นที่มีปันผลดีก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของดัชนี ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนไทยมีการปรับตัวที่ดี กำไรเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้มีการติดตามดูว่านักลงทุนมีการใช้เงินตัวเองในการลงทุน หรือกู้มาซื้อหุ้น เพราะหากมีการกู้มาซื้อหุ้นจำนวนมาก จะทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบในเรื่องการชำระราคาหลักทรัพย์ แต่จากการติดตามตอนนี้นักลงทุนมีการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) เพียง 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าไม่มาก
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวผันผวนในแดนลบ โดยปัจจัยกดดันหลักยังมาจากความกังวลเรื่องภาวะหนี้สินในยูโรโซน แม้ตอนนี้จะมีกระแสข่าวที่จะให้ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการเข้าไปซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหา แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนออกมา ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติก็คาดว่าจะยังคงขายสุทธิต่อ
ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (15 ก.ย.) ดัชนีน่าจะแกว่งตัวไร้ทิศทางต่อ อย่างไรก็ตามต้องรอดูปัจจัยจากภายนอกประกอบด้วย นั่นคือ การเคลื่อนไหวของดาวโจนส์ รวมถึงการประชุมร่วมระหว่างผู้นำเยอรมันนี, ฝรั่งเศส และ กรีซ คืนนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,020-1,012 จุด แนวต้าน 1,030-1,040 จุด