xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก21จุด ผวาศก.สหรัฐฯ-หนี้ยุโรปลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทย ติดลบกว่า 21 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังนักลงทุนวิตกเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นยาก และวิกฤตหนี้ยุโรปบานปลาย ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้หุ้นไทย 3 เดือนจากนี้ยังผันผวน รอดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ แนะนักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐาน ด้าน “ วิรไท” เผย ตลท.จับตาการปล่อยมาร์จิ้นโลนหวั่นสร้างความเสียหายระบบ

บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย วานนี้ (12 ก.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และหนี้ยุโรป ที่มีสัญญาณอาจจะลุกลามและบานปลายยิ่งขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,036.81 จุด และระดับสูงสุดที่ 1,051.21 จุด ก่อนจะปิดที่ระดับ 1,040.83 จุด ลดลงจากวันก่อน 51.54 จุด หรือคิดเป็น 2.03% มูลค่าการซื้อขายรวม 22,104.29 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,361.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,523.23 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,388.85 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 5,273.85 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาปิด 150.50 บาท ลดลง 5.50 บาท หรือ 3.53% มูลค่าการซื้อขาย 1,411.87 ล้านบาท บมจ.ปตท. ราคาปิด 314 บาท ลดลง7 บาท หรือ 2.18% มูลค่าการซื้อขาย 1,304.57 ล้านบาท และบมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส ราคาปิด 36 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 5.26% มูลค่าการซื้อขาย 1,129.09 ล้านบาท

*** ตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคสำคัญต่างปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันตลาดหุ้นไทยเช่นกัน อาทิ ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 19,030.54 จุด ปรับลดลง 836.09 จุด หรือลดลง 4.21% และตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ระดับ 8,535.67 จุด ปรับตัวลดลง 201.99 จุด หรือ 2.31%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นเอเชีย-ตลาดหุ้นยุโรป โดยได้รับแรงกดดันจากปัญหาในยุโรปกดดันมากจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลาออก เนื่องจากเห็นว่ามีความขัดแย้งในเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรในประเทศที่มีปัญหาหนี้สินแถบยูโรโซน ทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤติครั้งนี้จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่

ขณะเดียวกัน ปัญหากรีซที่ดูเหมือนจะแย่ลง เพราะในเดือนนี้กรีซจะต้องได้รับเงินช่วยเหลืออีกรอบจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แต่เนื่องจากกรีซไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงในการลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ อาจจะส่งผลต่อความช่วยเหลือรอบใหม่ได้ และเกิดความเสี่ยงสูงที่จะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ในครั้งต่อไป

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ จะต้องรอดูทิศทางการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะนำเข้าสภาคองเกรส หากไม่มีทิศทางที่ดีขึ้นอาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อ โดยมีแนวรับที่ 1,020-1,000 จุด และแนวต้าน 1,050-1,060 จุด

***ตลาดหุ้นไทยผันผวน-ลุ้นศก.สหรัฐฯ***
นางเทียนทิพ สุพานิช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนจากนี้จะยังคงผันผวนอยู่ตราบใดที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ยังไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชัดเจน ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอดูสถานการณ์ก่อนทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในหุ้นหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น ทองคำ และตราสารหนี้ เป็นต้น

“มองว่าเศรษฐกิจโลกช่วงนี้จะร้ายแรงไม่แพ้กับช่วงวิกฤตเลแมนบราเธอร์ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐไม่มีเครื่องมือที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจจากที่อัตราดอกเบี้ยต่ำจนจะศูนย์แล้ว และนี้สาธารณะอยู่ระดับสูงทำให้จะต้องคิดวิธีการใหม่ๆที่จะเข้ามาในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าการประชุมของทาง FOMC จะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในการประชุมในวันที่ 20-21 กันยายนนี้ ทำให้ส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นไทยหลังจากการประชุมดังกล่าวจะไม่รุนแรงมากไปกว่าปัจจุบันแล้ว”

ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศคงจะไม่รุนแรงเหมือนกับช่วงเลห์แมนบราเธอร์ ซึ่งในช่วงนั้นมีการขายหุ้นไทยออกมาติดต่อกันต่อเนื่อง 7 เดือน ขายออกไป 1.2 แสนล้านบาท แต่ในครั้งนี้แรงขายต่างชาติมีการขายออกไปแต่บางช่วงมีการซื้อกลับมาบ้าง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมีการขายหุ้นไทยไปแล้ว 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศจากนี้ต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไรนั้นตอบยาก

นางเทียนทิพ กล่าวว่า แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนแต่ตลาดหุ้นไทยเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ที่ 3.61% นับจากต้นปีถึงปัจจุบันรองจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.73% และตลาดหุ้นไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาดหุ้นโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นผันผวนนั้นนักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี มีเงินปันผล

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการติดตามในเรื่องการบริหารความเสี่ยงของตลาดรวม ในการติดตามในเรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน)ของระบบ โดยมีการประสานกับทางสมาคมโบรกเกอร์เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องการชำระราคา โดยหน้าที่หลักของตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องเปิดให้มีการซื้อและขายได้ ตามปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น