หุ้นไทยบวก 18 จุด รับปัญหาในต่างประเทศคลี่คลาย และมีความหวังต่อมาตรการกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โบรกฯประเมินแรงเทขายนักลงทุนต่างชาติน้อยลง ดันทิศทางหุ้นไทยกลับไปอยู่ในขาขึ้น
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย วานนี้(29ส.ค.) ปรับตัวดีขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,055.63 จุด เพิ่มขึ้น 18.41 จุด หรือ 1.77% มูลค่าการซื้อขาย 26,017.47 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,057.55 จุด แต่ต่ำสุดที่ระดับ 1,037.22 จุด โดยสถาบันซื้อสุทธิ 2,546 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสิทธิ 1,820.64 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 401 หลักทรัพย์ ลดลง 101 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 105 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,480.83 ล้านบาท ปิดที่ 329.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,815.80 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,390.71 ล้านบาท ปิดที่ 630.00 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,199.93 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท เพิ่มขึ้น 14.00 บาท และ TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,078.61 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการสายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ภาวะตลาดเงินตลาดทุนในครึ่งหลังปีนี้ ก็ยังคงมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป ทำให้การใช้เครื่องมือนโยบายการคลังทำได้ไม่มาก แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)และธนาคารกลางของสหภาพยุโรปพยายามจะเข้ามาแก้ไขเศรษฐกิจมากขึ้นแต่ก็ยังไม่มีทางออกชัดเจน ประกอบกับ มีปัจจัยลบเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐยังมีผลประกอบการค่อนข้างดีอย่างต่อเน่อง แต่การลงทุนก็ต้องคำนึงถึงตลาดโดยรวมด้วย ดังนั้น จังหวะเข้าออกในการลงทุนต้องระมัดระวัง
สำหรับนโยบายรัฐบาลใหม่ นายวิรไท กล่าวว่า เท่าที่เห็นจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการดำเนินโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งตรงนี้คาดว่าจะมีการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้(29ส.ค.)ปรับตัวขึ้นได้ดี เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกัน เนื่องจากแรงกดดันจากภายนอกเริ่มผ่อนคลายลง แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปจะยังมีอยู่ แต่ก็มีความคาดหวังที่จะมีมาตรการออกมาทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯดีขึ้น ในการประชุม FOMC ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของภาครัฐที่เริ่มทำงานแล้ว จากการลดราคาน้ำมัน อีกทั้งเชื่อว่าแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายจนทำให้ downside น้อยลง และเชื่อว่ากองทุนและนักลงทุนก็พร้อมที่จะเข้าซื้อหากหุ้นไทยยังปรับตัวลงอีก ดังนั้นแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(30 ส.ค.) ดัชนียังมีโมเมนตัมในเชิงบวกอยู่ ถ้าไม่มีปัจจัยลบแรงอะไรเข้ามากระทบ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 1,070 จุด แนวรับ 1,050-1,045 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย วานนี้(29ส.ค.) ปรับตัวดีขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,055.63 จุด เพิ่มขึ้น 18.41 จุด หรือ 1.77% มูลค่าการซื้อขาย 26,017.47 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,057.55 จุด แต่ต่ำสุดที่ระดับ 1,037.22 จุด โดยสถาบันซื้อสุทธิ 2,546 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสิทธิ 1,820.64 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 401 หลักทรัพย์ ลดลง 101 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 105 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,480.83 ล้านบาท ปิดที่ 329.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,815.80 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,390.71 ล้านบาท ปิดที่ 630.00 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,199.93 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท เพิ่มขึ้น 14.00 บาท และ TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,078.61 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการสายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ภาวะตลาดเงินตลาดทุนในครึ่งหลังปีนี้ ก็ยังคงมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป ทำให้การใช้เครื่องมือนโยบายการคลังทำได้ไม่มาก แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)และธนาคารกลางของสหภาพยุโรปพยายามจะเข้ามาแก้ไขเศรษฐกิจมากขึ้นแต่ก็ยังไม่มีทางออกชัดเจน ประกอบกับ มีปัจจัยลบเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นสหรัฐยังมีผลประกอบการค่อนข้างดีอย่างต่อเน่อง แต่การลงทุนก็ต้องคำนึงถึงตลาดโดยรวมด้วย ดังนั้น จังหวะเข้าออกในการลงทุนต้องระมัดระวัง
สำหรับนโยบายรัฐบาลใหม่ นายวิรไท กล่าวว่า เท่าที่เห็นจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการดำเนินโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งตรงนี้คาดว่าจะมีการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้(29ส.ค.)ปรับตัวขึ้นได้ดี เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกัน เนื่องจากแรงกดดันจากภายนอกเริ่มผ่อนคลายลง แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปจะยังมีอยู่ แต่ก็มีความคาดหวังที่จะมีมาตรการออกมาทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯดีขึ้น ในการประชุม FOMC ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของภาครัฐที่เริ่มทำงานแล้ว จากการลดราคาน้ำมัน อีกทั้งเชื่อว่าแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายจนทำให้ downside น้อยลง และเชื่อว่ากองทุนและนักลงทุนก็พร้อมที่จะเข้าซื้อหากหุ้นไทยยังปรับตัวลงอีก ดังนั้นแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(30 ส.ค.) ดัชนียังมีโมเมนตัมในเชิงบวกอยู่ ถ้าไม่มีปัจจัยลบแรงอะไรเข้ามากระทบ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 1,070 จุด แนวรับ 1,050-1,045 จุด
