ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมกับ ธปท.- โบรกเกอร์หุ้น-อนุพันธ์ -บจ.รวมกว่า199 หน่วยงาน ซ้อมแผนบีซีพีรองรับมือเหตุการณ์รุนแรง ส่งผลพนักงานเข้าตึกทำงานไม่ได้ เพื่อมั่นใจว่าระบบการซื้อขายดำเนินการได้ตามปกติ ด้านผู้บริหารระดับสูงวงการหลักทรัพย์ฯ เผย ก่อนหน้านี้มีหลายบริษัทกังวลหากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะระบบชำระราคา
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ฯ (โบรกเกอร์) บริษัทสมาชิกตลาดอนุพันธ์ บริษัทจดทะเบียน และ สมาชิกสำนักหักบัญชีรวม 199 หน่วยงาน ร่วมซ้อมปฏิบัติการตามแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง Business Continuity Plan (BCP) ประจำปี หรือแผนการรองรับกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของตลท. เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ และอื่น ๆ เป็นเหตุให้พนักงานไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานในอาคารได้
ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบการซื้อขายหลักทรัพย์และระบบงานสำคัญ จะไม่ได้รับผลกระทบหากมีเหตุการณ์รุนแรง โดยพร้อมปฏิบัติงานและสามารถดำเนินธุรกิจ ได้ตามปกติได้เร็วที่สุด เพื่อมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการจัดการด้านความเสี่ยงที่ทัดเทียมมาตรฐานสากล และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง โดยการซักซ้อมแผนดังกล่าวเป็นการซักซ้อมประจำปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ อย่างไรก็ตามไม่เกี่ยวกับกรณีที่ปีที่ผ่านมามีเหตุเผาอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการซักซ้อมดังกล่าว
"ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร ซึ่งไม่เฉพาะแค่ตลาดหลักทรัพย์ฯเท่านั้น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยรวมทั้งโบรกเกอร์ต่างๆก็ต้องมีแผนสำรองไว้เช่นกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่สุด เราต้องซักซ้อม BCP ประจำปีในวันที่ 25 มิ.ย.และวางแผนว่า หากเกิดเหตุจนทำให้พนักงานและผู้บริหารเข้าตึกไม่ได้ แล้วจะไปปฎิบัติงานที่ไหน ส่วนระบบการซื้อขายเราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะมีระบบสำรองทำให้การซื้อขายเดินหน้าได้ต่อเนื่อง”นายจรัมพร กล่าว
นอกจากนี้ได้มีการทำความเข้าใจร่วมกันถึงระบบการชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์(เคลียร์ริ่ง เซ็ทเทิลเม้นท์)ในกรณีที่มีการประกาศวันหยุดเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปโดยกำหนด ให้ยึดหลักระยะเวลาในการเคลียร์ริ่ง เซ็ทเทิลเม้นท์คือ T+3หรือ 3วันทำการนับจากวันที่มีการซื้อขาย โดยหากมีการประกาศวันหยุดเพิ่มก็จะขยับหรือบวกวันเพิ่มตามวันหยุด โดยจะมีการออกเป็นประกาศเพื่อถือปฎิบัติและให้เข้าใจตรงกัน
ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทกังวลว่า หากเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ตลาดหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์รวมทั้งโบรกเกอร์จะร่วมกันมีแผนรับมืออย่างไร โดยเฉพาะมาตรการดูแลระบบการซื้อขายในตลาดหหุ้นและระบบชำระราคาฯ ซึ่งความกังวลดังกล่าวมาจากเหตุรุนแรงปีที่แล้ว ที่มีการวางเพลิงธนาคารและ อาคารตลาดหลักทรัพย์ จนทำให้ ระบบซื้อขาย (Trading) และระบบชำระราคาฯ เกิดปัญหา แต่ระบบซื้อขายสามารถแก้ไขได้ทันที เพราะมีศูนย์สำรองอยู่แล้ว แต่ระบบชำระราคาฯ เกิดปัญหา
ทั้งนี้จากขณะนั้นยังไม่ได้มีข้อตกลงกันว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินและทำให้ต้องหยุดการซื้อขายในบางช่วงของวันหรือบางวันรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดเพิ่มเติมซึ่งทำให้ระยะเวลาในการชำระราคาฯมีปัญหา เมื่อเปิดการซื้อขายปกติแล้วรายการที่ซื้อขายครบT+3 ที่สะสมอยู่ต้องชำระราคาฯในวันที่เปิดซื้อขายรวมทุกรายการหรือไม่ หรือทยอยไล่ชำระราคาไปตามลำดับแต่ละวัน ทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจไม่ตรงกัน จนทำให้มีการชำระราคาฯล่าช้า จนต้องมีการทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์เพื่อให้ระบบชำระราคา ฯ แล้วเสร็จทุกรายการก่อนจะเปิดซื้อขายตามปกติ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาลามไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ฯ (โบรกเกอร์) บริษัทสมาชิกตลาดอนุพันธ์ บริษัทจดทะเบียน และ สมาชิกสำนักหักบัญชีรวม 199 หน่วยงาน ร่วมซ้อมปฏิบัติการตามแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง Business Continuity Plan (BCP) ประจำปี หรือแผนการรองรับกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของตลท. เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ และอื่น ๆ เป็นเหตุให้พนักงานไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานในอาคารได้
ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบการซื้อขายหลักทรัพย์และระบบงานสำคัญ จะไม่ได้รับผลกระทบหากมีเหตุการณ์รุนแรง โดยพร้อมปฏิบัติงานและสามารถดำเนินธุรกิจ ได้ตามปกติได้เร็วที่สุด เพื่อมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการจัดการด้านความเสี่ยงที่ทัดเทียมมาตรฐานสากล และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง โดยการซักซ้อมแผนดังกล่าวเป็นการซักซ้อมประจำปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ อย่างไรก็ตามไม่เกี่ยวกับกรณีที่ปีที่ผ่านมามีเหตุเผาอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการซักซ้อมดังกล่าว
"ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร ซึ่งไม่เฉพาะแค่ตลาดหลักทรัพย์ฯเท่านั้น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยรวมทั้งโบรกเกอร์ต่างๆก็ต้องมีแผนสำรองไว้เช่นกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่สุด เราต้องซักซ้อม BCP ประจำปีในวันที่ 25 มิ.ย.และวางแผนว่า หากเกิดเหตุจนทำให้พนักงานและผู้บริหารเข้าตึกไม่ได้ แล้วจะไปปฎิบัติงานที่ไหน ส่วนระบบการซื้อขายเราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะมีระบบสำรองทำให้การซื้อขายเดินหน้าได้ต่อเนื่อง”นายจรัมพร กล่าว
นอกจากนี้ได้มีการทำความเข้าใจร่วมกันถึงระบบการชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์(เคลียร์ริ่ง เซ็ทเทิลเม้นท์)ในกรณีที่มีการประกาศวันหยุดเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปโดยกำหนด ให้ยึดหลักระยะเวลาในการเคลียร์ริ่ง เซ็ทเทิลเม้นท์คือ T+3หรือ 3วันทำการนับจากวันที่มีการซื้อขาย โดยหากมีการประกาศวันหยุดเพิ่มก็จะขยับหรือบวกวันเพิ่มตามวันหยุด โดยจะมีการออกเป็นประกาศเพื่อถือปฎิบัติและให้เข้าใจตรงกัน
ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทกังวลว่า หากเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ตลาดหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์รวมทั้งโบรกเกอร์จะร่วมกันมีแผนรับมืออย่างไร โดยเฉพาะมาตรการดูแลระบบการซื้อขายในตลาดหหุ้นและระบบชำระราคาฯ ซึ่งความกังวลดังกล่าวมาจากเหตุรุนแรงปีที่แล้ว ที่มีการวางเพลิงธนาคารและ อาคารตลาดหลักทรัพย์ จนทำให้ ระบบซื้อขาย (Trading) และระบบชำระราคาฯ เกิดปัญหา แต่ระบบซื้อขายสามารถแก้ไขได้ทันที เพราะมีศูนย์สำรองอยู่แล้ว แต่ระบบชำระราคาฯ เกิดปัญหา
ทั้งนี้จากขณะนั้นยังไม่ได้มีข้อตกลงกันว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินและทำให้ต้องหยุดการซื้อขายในบางช่วงของวันหรือบางวันรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดเพิ่มเติมซึ่งทำให้ระยะเวลาในการชำระราคาฯมีปัญหา เมื่อเปิดการซื้อขายปกติแล้วรายการที่ซื้อขายครบT+3 ที่สะสมอยู่ต้องชำระราคาฯในวันที่เปิดซื้อขายรวมทุกรายการหรือไม่ หรือทยอยไล่ชำระราคาไปตามลำดับแต่ละวัน ทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจไม่ตรงกัน จนทำให้มีการชำระราคาฯล่าช้า จนต้องมีการทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์เพื่อให้ระบบชำระราคา ฯ แล้วเสร็จทุกรายการก่อนจะเปิดซื้อขายตามปกติ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาลามไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน