บสก.ชูบทบาทผู้นำการบริหารหนี้-เอ็นพีเอ หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว ล่าสุดรับซื้อ NPL จากSCB เข้ามาบริหารจัดการอีก จำนวน 5,298 ล้านบาท จากจำนวนลูกหนี้ 981 ราย คาดทั้งปีรับซื้อหนี้และทรัพย์รอการขายจากสถาบันการเงินอีกกว่า 20,000 ล้านบาท
วานนี้ (7 ก.ย.) นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) และนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) จำนวนมูลหนี้รวม 5,298 ล้านบาท จากจำนวนลูกหนี้ 981 ราย
โดยนายสุเมธ กล่าวว่า ลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คิดเป็น 64% และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในเขตต่างจังหวัด 36% ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไป บสก.จะมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก และมุ่งเน้นวิธีการเจรจาประนีประนอมเพื่อหาข้อยุติที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็นหนี้ที่อยู่ในระหว่างการฟ้องร้องบังคับคดี บสก. ก็เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลับมาเจรจาประนอมหนี้ได้ใหม่ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ และส่งกลับคืนระบบเศรษฐกิจตามปกติต่อไป
" บสก.ทยอยรับซื้อรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินมาแล้ว 4,275 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเอ็นพีเอ มูลค่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลภายในสัปดาห์นี้ โดยก่อนหน้านี้ได้รับซื้อเอ็นพีเอจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาบริหารอีก จำนวน 93 รายการ มูลค่า 675 ล้านบาท ดังนั้นในปีนี้ บสก. คาดว่าจะสามารถรับซื้อรับโอนทั้ง 2 ประเภทได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ " นายสุเมธกล่าว
ปัจจุบัน บสก. มีเอ็นพีเอ ในความดูแลทั้งสิ้น 44,286 ราย คิดเป็นมูลค่า 234,723 ล้านบาท ขณะที่มีเอ็นพีเอ จำนวน 14,173 ราย คิดเป็นมูลค่า 35,971 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์หลักของการรับซื้อทรัพย์สินจากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ มุ่งเน้นการเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐที่จะช่วยแก้ปัญหาและลดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
วานนี้ (7 ก.ย.) นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) และนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) จำนวนมูลหนี้รวม 5,298 ล้านบาท จากจำนวนลูกหนี้ 981 ราย
โดยนายสุเมธ กล่าวว่า ลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คิดเป็น 64% และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในเขตต่างจังหวัด 36% ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไป บสก.จะมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก และมุ่งเน้นวิธีการเจรจาประนีประนอมเพื่อหาข้อยุติที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็นหนี้ที่อยู่ในระหว่างการฟ้องร้องบังคับคดี บสก. ก็เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลับมาเจรจาประนอมหนี้ได้ใหม่ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ และส่งกลับคืนระบบเศรษฐกิจตามปกติต่อไป
" บสก.ทยอยรับซื้อรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินมาแล้ว 4,275 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเอ็นพีเอ มูลค่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลภายในสัปดาห์นี้ โดยก่อนหน้านี้ได้รับซื้อเอ็นพีเอจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มาบริหารอีก จำนวน 93 รายการ มูลค่า 675 ล้านบาท ดังนั้นในปีนี้ บสก. คาดว่าจะสามารถรับซื้อรับโอนทั้ง 2 ประเภทได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ " นายสุเมธกล่าว
ปัจจุบัน บสก. มีเอ็นพีเอ ในความดูแลทั้งสิ้น 44,286 ราย คิดเป็นมูลค่า 234,723 ล้านบาท ขณะที่มีเอ็นพีเอ จำนวน 14,173 ราย คิดเป็นมูลค่า 35,971 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์หลักของการรับซื้อทรัพย์สินจากธนาคารพาณิชย์มาบริหารจัดการ มุ่งเน้นการเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐที่จะช่วยแก้ปัญหาและลดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต