ไอแบงก์ลุยรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลต่อ ลดดอกเหลือ 10% หลังลูกค้าผ่อนดี แต่ห่วงสินเชื่อบ้านทำเอ็นพีแอลพุ่ง เหตุค่าครองชีพสูง ยันลุยสินเชื่อภาคใต้ต่อ หลังหนุนเพิ่มทุนให้หมื่นล้าน เมินเข้าตลาดหุ้น เล็งตั้งกองทุนมุสลิมอาเซียน
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ธอท.) หรือ iBank เปิดเผยว่า ธอท.ได้เปิดโครงการรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งใช้เงื่อนไขเดิมที่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ในการเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ อาทิ วงเงินรายละไม่เกิน 300,000 บาท แต่ทั้งนี้จะปรับลดอัตรากำไรลงจากเดิมที่คิด 15% เหลือ 10% เท่านั้นในปีแรก ปีถัดไปคิด 12% คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะเปิดให้ลงทะเบียน ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาปิดรับสมัคร และไม่จำกัดวงเงินรวมทั้งหมด เนื่องจากจะให้เป็นโครงการถาวรของธอท.ดำเนินการเอง ไม่ใช่เป็นโครงการของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การสนองนโยบายรัฐบาลตามโครงการรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบนั้นยังคงมีอยู่ ซึ่งส่วนที่สิ้นสุดลงการลงทะเบียนไป 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น มียอดผู้ของรีไฟเนนซ์ คิดเป็นวงเงิน 100 ล้านบาท และรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ยังมีนโยบายที่จะสานต่อ จึงคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเปิดรีไฟแนนซ์ฯ รอบ 2 ต่อไป
“สาเหตุที่ไอแบงก์ดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นของธนาคารเอง เพราะลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการมีวินัยทางการเงินดี ทำให้มีหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ไม่ถึง 1% ของวงเงินสินเชื่อที่รีไฟแนนซ์ไปทั้งหมดกว่า 4,000 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ธอท.มีต้นทุนอู่ที่ 7.5% จึงทำให้ดำเนินโครงการต่อได้ คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีผู้มาขอรีไฟแนนซ์ฯวงเงินอีก 2,000 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอลที่น่าเป็นห่วงคือ สินเชื่อบ้าน ซึ่งมีแนวโน้มเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา จาก 3% เป็น 6% ของยอดสินเชื่อบ้านรวมกว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว เพราะลูกค้าประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระได้ หลังค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ราคาน้ำมันพืชขึ้นครั้งแรก ตามด้วยราคาน้ำมัน และอุทกภัย ซึ่งไอแบงก์ได้เข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ ทั้งยืดหนี้ ลดหนี้ ลดการผ่อนชำระกำไร คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถรักษาเอ็นพีแอลให้อยู่ที่ 4.4% ได้จากปัจจุบันที่ 4.7% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมดได้ จากเป้าหมายสินเชื่อสิ้นปีนี้ที่ 131,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้ 10,000 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งล่าสุดครม.วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาได้อนุมัติงบเพิ่มทุนในส่วนของไอแบงก์แล้ว 4,800 ล้านบาท เพื่อให้ปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ไอแบงก์ไม่จำเป็นต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อระดมทุนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลังได้มอบนโยบายให้ไอแบงก์ดำเนินนโยบายเชิงรุก ทั้งสนองนโยบายตามแนวทางของรัฐบาลและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการร่วมมือกับองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) จัดกองทุนมุสลิมอาเซียน เพื่อรองรับประชาคมอาเซียนในปี 58 รวมทั้งส่งเสริมการประกอบอาชีพของชาวมุสลิมให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วย
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ธอท.) หรือ iBank เปิดเผยว่า ธอท.ได้เปิดโครงการรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งใช้เงื่อนไขเดิมที่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ในการเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ อาทิ วงเงินรายละไม่เกิน 300,000 บาท แต่ทั้งนี้จะปรับลดอัตรากำไรลงจากเดิมที่คิด 15% เหลือ 10% เท่านั้นในปีแรก ปีถัดไปคิด 12% คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะเปิดให้ลงทะเบียน ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาปิดรับสมัคร และไม่จำกัดวงเงินรวมทั้งหมด เนื่องจากจะให้เป็นโครงการถาวรของธอท.ดำเนินการเอง ไม่ใช่เป็นโครงการของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การสนองนโยบายรัฐบาลตามโครงการรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบนั้นยังคงมีอยู่ ซึ่งส่วนที่สิ้นสุดลงการลงทะเบียนไป 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น มียอดผู้ของรีไฟเนนซ์ คิดเป็นวงเงิน 100 ล้านบาท และรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ยังมีนโยบายที่จะสานต่อ จึงคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเปิดรีไฟแนนซ์ฯ รอบ 2 ต่อไป
“สาเหตุที่ไอแบงก์ดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นของธนาคารเอง เพราะลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการมีวินัยทางการเงินดี ทำให้มีหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ไม่ถึง 1% ของวงเงินสินเชื่อที่รีไฟแนนซ์ไปทั้งหมดกว่า 4,000 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ธอท.มีต้นทุนอู่ที่ 7.5% จึงทำให้ดำเนินโครงการต่อได้ คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีผู้มาขอรีไฟแนนซ์ฯวงเงินอีก 2,000 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอลที่น่าเป็นห่วงคือ สินเชื่อบ้าน ซึ่งมีแนวโน้มเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา จาก 3% เป็น 6% ของยอดสินเชื่อบ้านรวมกว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว เพราะลูกค้าประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระได้ หลังค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ราคาน้ำมันพืชขึ้นครั้งแรก ตามด้วยราคาน้ำมัน และอุทกภัย ซึ่งไอแบงก์ได้เข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ ทั้งยืดหนี้ ลดหนี้ ลดการผ่อนชำระกำไร คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถรักษาเอ็นพีแอลให้อยู่ที่ 4.4% ได้จากปัจจุบันที่ 4.7% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมดได้ จากเป้าหมายสินเชื่อสิ้นปีนี้ที่ 131,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้ 10,000 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งล่าสุดครม.วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาได้อนุมัติงบเพิ่มทุนในส่วนของไอแบงก์แล้ว 4,800 ล้านบาท เพื่อให้ปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ไอแบงก์ไม่จำเป็นต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อระดมทุนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลังได้มอบนโยบายให้ไอแบงก์ดำเนินนโยบายเชิงรุก ทั้งสนองนโยบายตามแนวทางของรัฐบาลและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการร่วมมือกับองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) จัดกองทุนมุสลิมอาเซียน เพื่อรองรับประชาคมอาเซียนในปี 58 รวมทั้งส่งเสริมการประกอบอาชีพของชาวมุสลิมให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วย
