ผู้ถือหุ้น GSTEEL ไฟเขียว ArcelorMitttal (AM) ถือหุ้นใหญ่ 40% โดยตั้งเงื่อนไขหุ้นของกลุ่มลีสวัสดิ์ตระกูล 9.9% ต้องสนับสนุน AM ตลอดไปเพื่อมั่นใจมีอำนาจในการตัดสินใจเด็ดขาด มั่นใจเม็ดเงินเพิ่มทุนเข้ามา 7.5 พันล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้ แย้มไตรมาส 4/54 บริษัทล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง ทำให้พลิกจากขาดทุนมาเป็นบริษัทฯที่มีผลกำไรสุทธิ
นายริวโซ โอกิโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (GSTEEL) เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯลดทุน/เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน GSTEEL ให้กับ ArcelorMitttal Netherland B.V.(AM) ติดเป็น 40%ของทุนจดทะเบียน ว่า ที่ประชุมฯเห็นชอบให้บริษัทฯจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 11,920 ล้านหุ้นให้กับ AM ในราคาหุ้นละไม่ต่ำกว่า 0.63 บาท/หุ้น
โดยคาดว่าเม็ดเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 7.5 พันล้านบาท จะเข้ามาไม่เกินเดือน ต.ค.นี้ โดยจะนำเงิน 3.6 พันล้านบาท นำไปใช้ในการเพิ่มทุนบริษัทลูก คือ บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS) และที่เหลือจะนำไปใช้เงินทุนหมุนเวียน ส่งผลให้ GSTEEL และ GJS สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนได้เต็มกำลังการผลิตภายใน 2-3 เดือนนับจากได้เงินเพิ่มทุนจาก AM จากปัจจุบันบริษัทฯเดินเครื่องผลิตอยู่เพียง 40-60% ของกำลังการผลิต 3.3 ล้านตันต่อปี หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วขึ้นและเร่งลงทุนโครงการก่อสร้างพื้นฐานทำให้ความต้องการใช้เหล็กเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ GSTEELเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ หากบริษัทฯเดินเครื่องจักรผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว บริษัทจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) เพิ่มขึ้นจากเดิมปีละ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 200- 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี
นายโอกิโน กล่าวว่า ทาง AM มีสัญญาว่า จะให้สินเชื่อวงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดอกเบี้ย 12% ต่อปี ให้กับบริษัท และ GJS เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 0.3 เท่า รวมทั้ง AM ให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางธุรกิจทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้ต้นทุนการผลิตเหล็กรีดร้อนต่ำและพัฒนาผลิตเหล็กคุณภาพพิเศษป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศปีละ 2 ล้านตัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายผลิตเกรดพิเศษ 30-40%ของกำลังการผลิต โดย GSTEEL จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ AM 2% ของยอดขาย
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ในไตรมาส 4 นี้ บริษัทจะล้างขาดทุนสะสมจากเดิมที่ตั้งสำรองขาดทุนสะสมอยู่ 6-7 พันล้านบาทมาเป็นบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิ หลังจากบริษัทดำเนินการลดทุน/เพิ่มทุนให้กับ AM แล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯเริ่มมีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 นี้
ปัจจุบัน GSTEEL มีหนี้สินรวม 950 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนให้ AM แล้วทำให้บริษัทฯมีหนี้สินลดลงเหลือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท จีสตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง AM มีเงื่อนไขในการเข้ามาถือหุ้นใน GSTEEL 40% โดยกลุ่มตระกูลลีสวัสดิ์ตระกูลจะต้องสนับสนุน AM คิดเป็นสัดส่วน 9.9%ตลอดไป โดยห้ามนำหุ้นออกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สาเหตุที่ต้องการให้กลุ่มลีสวัสดิ์ตระกูลสนับสนุน 9.9% ของหุ้นทั้งหมด เนื่องจาก AM ถือครองหุ้นไม่ถึง 50% จึงต้องการความมั่นใจในคะแนนเสียงสนับสนุนที่จะได้รับว่ากลุ่มทุนเดิมในการตัดสินใจการทำธุรกิจในอนาคต
“วันนี้ GSTEEL ไม่ขาดอะไร เพียงแต่ขาดเงินทุนเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ ทำให้เราต้องดึง AM ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่เหล็กอันดับ 1 ของโลกเข้ามาถือหุ้นใหญ่แทน โดย AM ตั้งเงื่อนไขห้ามไม่ให้ผมขายหุ้น GSTEEL ที่ถืออยู่ ซึ่งผมก็คงไม่ขายหุ้นแต่จะถือหุ้นตลอดไปให้ลูกให้หลาน”
ทั้งนี้ ทางกลุ่ม AM ต้องการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ GSTEEL ในสัดส่วน 40% เพราะต้องการขยายฐานการผลิตในเอเชีย จากปัจจุบันที่ทางกลุ่มมีฐานผลิตที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกา
นายริวโซ โอกิโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (GSTEEL) เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯลดทุน/เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน GSTEEL ให้กับ ArcelorMitttal Netherland B.V.(AM) ติดเป็น 40%ของทุนจดทะเบียน ว่า ที่ประชุมฯเห็นชอบให้บริษัทฯจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 11,920 ล้านหุ้นให้กับ AM ในราคาหุ้นละไม่ต่ำกว่า 0.63 บาท/หุ้น
โดยคาดว่าเม็ดเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 7.5 พันล้านบาท จะเข้ามาไม่เกินเดือน ต.ค.นี้ โดยจะนำเงิน 3.6 พันล้านบาท นำไปใช้ในการเพิ่มทุนบริษัทลูก คือ บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS) และที่เหลือจะนำไปใช้เงินทุนหมุนเวียน ส่งผลให้ GSTEEL และ GJS สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนได้เต็มกำลังการผลิตภายใน 2-3 เดือนนับจากได้เงินเพิ่มทุนจาก AM จากปัจจุบันบริษัทฯเดินเครื่องผลิตอยู่เพียง 40-60% ของกำลังการผลิต 3.3 ล้านตันต่อปี หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วขึ้นและเร่งลงทุนโครงการก่อสร้างพื้นฐานทำให้ความต้องการใช้เหล็กเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ GSTEELเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ หากบริษัทฯเดินเครื่องจักรผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว บริษัทจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) เพิ่มขึ้นจากเดิมปีละ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 200- 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี
นายโอกิโน กล่าวว่า ทาง AM มีสัญญาว่า จะให้สินเชื่อวงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดอกเบี้ย 12% ต่อปี ให้กับบริษัท และ GJS เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 0.3 เท่า รวมทั้ง AM ให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางธุรกิจทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้ต้นทุนการผลิตเหล็กรีดร้อนต่ำและพัฒนาผลิตเหล็กคุณภาพพิเศษป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศปีละ 2 ล้านตัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายผลิตเกรดพิเศษ 30-40%ของกำลังการผลิต โดย GSTEEL จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ AM 2% ของยอดขาย
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ในไตรมาส 4 นี้ บริษัทจะล้างขาดทุนสะสมจากเดิมที่ตั้งสำรองขาดทุนสะสมอยู่ 6-7 พันล้านบาทมาเป็นบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิ หลังจากบริษัทดำเนินการลดทุน/เพิ่มทุนให้กับ AM แล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯเริ่มมีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 นี้
ปัจจุบัน GSTEEL มีหนี้สินรวม 950 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนให้ AM แล้วทำให้บริษัทฯมีหนี้สินลดลงเหลือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท จีสตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง AM มีเงื่อนไขในการเข้ามาถือหุ้นใน GSTEEL 40% โดยกลุ่มตระกูลลีสวัสดิ์ตระกูลจะต้องสนับสนุน AM คิดเป็นสัดส่วน 9.9%ตลอดไป โดยห้ามนำหุ้นออกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สาเหตุที่ต้องการให้กลุ่มลีสวัสดิ์ตระกูลสนับสนุน 9.9% ของหุ้นทั้งหมด เนื่องจาก AM ถือครองหุ้นไม่ถึง 50% จึงต้องการความมั่นใจในคะแนนเสียงสนับสนุนที่จะได้รับว่ากลุ่มทุนเดิมในการตัดสินใจการทำธุรกิจในอนาคต
“วันนี้ GSTEEL ไม่ขาดอะไร เพียงแต่ขาดเงินทุนเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ ทำให้เราต้องดึง AM ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่เหล็กอันดับ 1 ของโลกเข้ามาถือหุ้นใหญ่แทน โดย AM ตั้งเงื่อนไขห้ามไม่ให้ผมขายหุ้น GSTEEL ที่ถืออยู่ ซึ่งผมก็คงไม่ขายหุ้นแต่จะถือหุ้นตลอดไปให้ลูกให้หลาน”
ทั้งนี้ ทางกลุ่ม AM ต้องการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ GSTEEL ในสัดส่วน 40% เพราะต้องการขยายฐานการผลิตในเอเชีย จากปัจจุบันที่ทางกลุ่มมีฐานผลิตที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกา
