ASTVผู้จัดการรายวัน - เอสพีซีจี เพิ่มทุน 340 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ขายประชานทั่วไป 60 ล้านหุ้นและอีก 280 ล้านหุ้น รองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่แจกฟรีให้ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน และเดินหน้ากู้เงินเพื่อให้บริษัทย่อยใช้ซื้อโรงไฟฟ้ามูลค่า2,600 ล้านบาท เตรียมขอมติจากผู้ถือหุ้น 6 กันยายนนี้
นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 20 กรกฎาคม 54 ว่าบอร์ดอนุมัติให้บริษัทย่อย 4 บริษัทของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จากัด (SPC) คือ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 3) (SPKR3) บริษัท โซล่า เพาเวอร์(โคราช 4) จากัด (SPKR4) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 7) จากัด (SPKR7) และ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 8) (SPKR8) เข้าซื้อทรัพย์สินสำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการมูลค่าโครงการละประมาณ 650 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งหมดไม่เกิน 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ SPC จะลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 เป็นเงิน 117 ล้านบาทในแต่ละบริษัท หรือคิดเป็น เงินทั้งสิ้น 351 ล้านบาท โดย SPC มีความประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วน 60% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 โดยบริษัทฯ จะหาผู้ร่วมทุนเพื่อลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วน 40% และมีนโยบายจะถือ SPKR8 ในสัดส่วน 100% รวมทั้งจะหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อพัฒนาโครงการทั้ง 4 โครงการอีกด้วย
และ SPCG จะลงทุนผ่าน SPC ใน SPKR8 เป็นเงิน 195 ล้านบาท โดย SPC ประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR8 สัดส่วน 100 % ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR8 ทั้งนี้ เงินที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัทย่อย 4 บริษัทนั้น จะมาจากการที่บริษัทฯ จะจัดหาแหล่งเงินทุนจากการเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ ให้แก่บุคคลทั่วไป แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือแหล่งเงินทุนอื่นๆ เพื่อให้ SPC นำเงินจากแหล่งเงินทุนดังกล่าว ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อย 4 บริษัท อีกทั้ง SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 จะหาผู้ร่วมทุนเข้าลงทุนในโครงการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก SPC จะถือหุ้นใน SPKR8 ทั้ง 100% ดังนั้น SPKR8 จึงไม่มีแผนในการจัดหาผู้ร่วมทุน
นอกจากนี้ บอร์ด SPCG ยังอนุมัติลดทุนจดทะเบียน 15 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 515 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ และอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 840 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 340 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ1 บาท จัดสรร 60 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับประชานทั่วไป (PO) และอีก 280 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของหลักทรัพย์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์
โดยบริษัทจะออกวอร์แรนต์ 280 ล้านหน่วย แบ่งจัดสรร ไม่เกิน 30 ล้านหน่วยให้กับประชาชนทั่วไป ที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่มีการจองซื้อ 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญ และจัดสรร 250 ล้านหน่วยแจกผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยกำหนดราคาการใช้สิทธิ 1 บาทต่อหุ้น อายุไม่เกิน 10 ปี
สำหรับบริษัทย่อย 4 แห่ง จะนำเงินเพิ่มทุนจาก SPC ไปดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีขนาดโครงการละ 6 เมกกะวัตต์ มูลค่าของแต่ละโครงการไม่เกิน 650 ล้านบาท ใช้พื้นที่แต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ โดยใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 30,000 แผงต่อโครงการ
อนึ่ง บริษัทเรียกประชุมผู้ถือหุ้น 6 กันยายนนี้ เพื่อขอมติเห็นชอบ
นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 20 กรกฎาคม 54 ว่าบอร์ดอนุมัติให้บริษัทย่อย 4 บริษัทของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จากัด (SPC) คือ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 3) (SPKR3) บริษัท โซล่า เพาเวอร์(โคราช 4) จากัด (SPKR4) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 7) จากัด (SPKR7) และ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 8) (SPKR8) เข้าซื้อทรัพย์สินสำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการมูลค่าโครงการละประมาณ 650 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งหมดไม่เกิน 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ SPC จะลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 เป็นเงิน 117 ล้านบาทในแต่ละบริษัท หรือคิดเป็น เงินทั้งสิ้น 351 ล้านบาท โดย SPC มีความประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วน 60% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 โดยบริษัทฯ จะหาผู้ร่วมทุนเพื่อลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วน 40% และมีนโยบายจะถือ SPKR8 ในสัดส่วน 100% รวมทั้งจะหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อพัฒนาโครงการทั้ง 4 โครงการอีกด้วย
และ SPCG จะลงทุนผ่าน SPC ใน SPKR8 เป็นเงิน 195 ล้านบาท โดย SPC ประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR8 สัดส่วน 100 % ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR8 ทั้งนี้ เงินที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัทย่อย 4 บริษัทนั้น จะมาจากการที่บริษัทฯ จะจัดหาแหล่งเงินทุนจากการเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ ให้แก่บุคคลทั่วไป แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือแหล่งเงินทุนอื่นๆ เพื่อให้ SPC นำเงินจากแหล่งเงินทุนดังกล่าว ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อย 4 บริษัท อีกทั้ง SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 จะหาผู้ร่วมทุนเข้าลงทุนในโครงการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก SPC จะถือหุ้นใน SPKR8 ทั้ง 100% ดังนั้น SPKR8 จึงไม่มีแผนในการจัดหาผู้ร่วมทุน
นอกจากนี้ บอร์ด SPCG ยังอนุมัติลดทุนจดทะเบียน 15 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 515 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ และอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 840 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 340 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ1 บาท จัดสรร 60 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับประชานทั่วไป (PO) และอีก 280 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของหลักทรัพย์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์
โดยบริษัทจะออกวอร์แรนต์ 280 ล้านหน่วย แบ่งจัดสรร ไม่เกิน 30 ล้านหน่วยให้กับประชาชนทั่วไป ที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่มีการจองซื้อ 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญ และจัดสรร 250 ล้านหน่วยแจกผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยกำหนดราคาการใช้สิทธิ 1 บาทต่อหุ้น อายุไม่เกิน 10 ปี
สำหรับบริษัทย่อย 4 แห่ง จะนำเงินเพิ่มทุนจาก SPC ไปดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีขนาดโครงการละ 6 เมกกะวัตต์ มูลค่าของแต่ละโครงการไม่เกิน 650 ล้านบาท ใช้พื้นที่แต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ โดยใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 30,000 แผงต่อโครงการ
อนึ่ง บริษัทเรียกประชุมผู้ถือหุ้น 6 กันยายนนี้ เพื่อขอมติเห็นชอบ