ASTVผู้จัดการรายวัน - พัฒน์กล เพิ่มทุนให้เจ้าหนี้แปลงเป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ดันให้แบงก์กรุงเทพขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 เร่งดำเนินการเสร็จใน 180 วัน หลังศาลสั่งเห็นชอบแผนฟื้นกิจกา
นายปเนต จงวัฒนา กรรมการและเลขานุการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PATKL ได้รับอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ จากศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 54 นั้น แผนฟื้นฟูกิจการได้ระบุให้บริษัทดำเนินการลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกชำระจำนวน 52,999,999 หุ้น ออกเสียก่อนจากทุนจดทะเบียนเดิมทั้งสิ้น 325,230,100 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 325,230,100 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท โดยแบ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 272,230,101 บาท คิดเป็น 272,230,101 หุ้น หลังจากลดทุนจดทะเบียนแล้ว จะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทจะเหลือเท่ากับจำนวนทุนที่ออกและชำระแล้วคือจำนวน 272,230,101 บาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 272,230,101 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการลดทุนแล้วเสร็จให้บริษัทดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยการแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 600,243,737 บาท แบ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระให้แล้วจำนวน 494,095,237 บาท เพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ ดังนี้คือ
โดยจะแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 142,377,680 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เป็นเงิน 142,377,680 บาท สำหรับ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 และเจ้าหนี้รายที่ 223 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ( มหาชน) หรือ BBL และแปลงหนี้เป็นหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 79,487,456 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เป็นเงิน 79,487,456 บาท สำหรับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 และ 4 อีกทั้งแปลงหนี้เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ซื้อหุ้นสามัญ 106,148,500 หน่วย ในอัตราใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น สำหรับเจ้าหนี้รายที่ 223 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ จำนวนหุ้นบุริมสิทธิ์และยอดรวมการจดทะเบียนเพิ่มทุนลดลงจากจำนวน ที่ได้แจ้งไว้ในรายงานสรุปแผน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 54 เนื่องจากจำนวนหุ้นในรายงานสรุปแผนเป็นจำนวนหุ้นที่สรุปจากการที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ตามแผนซึ่งมีเจ้าหนี้บางรายที่อยู่ระหว่างโต้แย้งสิทธิ ศาลยังไม่มีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ณ ปัจจุบันเป็นจำนวนที่มีมติถึงที่สุดแล้ว
โดยบริษัทจะดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุน ภายใน 180 วัน นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ได้รับการชำระหนี้ ด้วยการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญมีจำนวน 8 ราย ส่วนเจ้าหนี้กลุ่มที่ได้รับการชำระหนี้ โดยการแปลงหนี้เป็นหุ้นบุริมสิทธิ มีจำนวน 297 ราย และเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ โดยแปลงหนี้เป็นวอร์แรนต์ ซื้อหุ้นสามัญ มี 1 ราย คือธนาคารกรุงเทพ ผู้ให้การสนับสนุนสินเชื่อใหม่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน ซึ่งหลังการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ มีผลทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุน 10 รายแรก มี เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 โดยถือหุ้น 8.46% ของบริษัทด้วย
นายปเนต จงวัฒนา กรรมการและเลขานุการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PATKL ได้รับอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ จากศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 54 นั้น แผนฟื้นฟูกิจการได้ระบุให้บริษัทดำเนินการลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกชำระจำนวน 52,999,999 หุ้น ออกเสียก่อนจากทุนจดทะเบียนเดิมทั้งสิ้น 325,230,100 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 325,230,100 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท โดยแบ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 272,230,101 บาท คิดเป็น 272,230,101 หุ้น หลังจากลดทุนจดทะเบียนแล้ว จะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทจะเหลือเท่ากับจำนวนทุนที่ออกและชำระแล้วคือจำนวน 272,230,101 บาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 272,230,101 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการลดทุนแล้วเสร็จให้บริษัทดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยการแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 600,243,737 บาท แบ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระให้แล้วจำนวน 494,095,237 บาท เพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ ดังนี้คือ
โดยจะแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 142,377,680 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เป็นเงิน 142,377,680 บาท สำหรับ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 และเจ้าหนี้รายที่ 223 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ( มหาชน) หรือ BBL และแปลงหนี้เป็นหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 79,487,456 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาท เป็นเงิน 79,487,456 บาท สำหรับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 และ 4 อีกทั้งแปลงหนี้เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ซื้อหุ้นสามัญ 106,148,500 หน่วย ในอัตราใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น สำหรับเจ้าหนี้รายที่ 223 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ จำนวนหุ้นบุริมสิทธิ์และยอดรวมการจดทะเบียนเพิ่มทุนลดลงจากจำนวน ที่ได้แจ้งไว้ในรายงานสรุปแผน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 54 เนื่องจากจำนวนหุ้นในรายงานสรุปแผนเป็นจำนวนหุ้นที่สรุปจากการที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ตามแผนซึ่งมีเจ้าหนี้บางรายที่อยู่ระหว่างโต้แย้งสิทธิ ศาลยังไม่มีคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ณ ปัจจุบันเป็นจำนวนที่มีมติถึงที่สุดแล้ว
โดยบริษัทจะดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุน ภายใน 180 วัน นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ได้รับการชำระหนี้ ด้วยการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญมีจำนวน 8 ราย ส่วนเจ้าหนี้กลุ่มที่ได้รับการชำระหนี้ โดยการแปลงหนี้เป็นหุ้นบุริมสิทธิ มีจำนวน 297 ราย และเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ โดยแปลงหนี้เป็นวอร์แรนต์ ซื้อหุ้นสามัญ มี 1 ราย คือธนาคารกรุงเทพ ผู้ให้การสนับสนุนสินเชื่อใหม่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน ซึ่งหลังการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ มีผลทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุน 10 รายแรก มี เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 โดยถือหุ้น 8.46% ของบริษัทด้วย